บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตกลงเพื่อแก้ปัญหาน้ำเสีย

  จังหวัดราชบุรี ร่วมกับ อำเภอปากท่อ และผู้ประกอบการฟาร์มสุกร จัดทำข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหาน้ำเสียในคลองวัดประดู่ 

ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลดอนทราย  อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานการจัดทำข้อตกลงเพื่อแก้ปัญหาน้ำเสียในคลองวัดประดู  มีนายผาชัย  โปรียานนท์ นายอำเภอปากท่อ นายสัตวแพทย์ สรวิศ ธานีโต ปศุสัตว์จังหวัด และผู้ประกอบการฟาร์มสุกรในพื้นที่ เข้าร่วมจัดทำข้อตกลงทั้งสิ้น 13 ฟาร์ม  การจัดทำข้อตกลงในครั้งนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปตามบัญชาที่ได้รับมอบหมายและเกิดการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานและผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางหรือมีข้อตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเสียในคลองวัดประดู่  ในส่วนของตำบลดอนทรายเป็นพื้นที่ ที่มีฟาร์มสุกรขนาดใหญ่หลายแห่ง หากมีการปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะ จะเกิดผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การจัดทำข้อตกลง  จึงได้เชิญผู้ประกอบการฟาร์มสุกร ในพื้นที่ตำบลดอนทราย ร่วมทำบันทึกข้อตกลงไม่ปล่อยน้ำที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำทิ้งออกนอกฟาร์ม ซึ่งหลังจากนี้หากพบการฝ่าฝืน จะมีการปรับและแจ้งเจ้าพนักงานที่เกียวข้องกับการออกใบอนุญาต และดำเนินคดีตามกฎหมาย
 

สร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ

โรงไฟฟ้าราชบุรีจัดสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ รุ่น "ราชบุรีมหามงคล" เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล


            นายประจวบ อุชชิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดราชบุรี เป็นจังหวัด 1 ใน 4 ของประเทศไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระพุทธปฎิมา ปางตรัสรู้ขนาดหน้าตัก 49 นิ้ว ให้แก่ชาวจังหวัดราชบุรี เพื่อเป็นที่สักการบูชา และถือเป็นพระประจำทิศตะวันตก พระพุทธรูปปางนี้มีเพียง 4 รูป ที่กรมรักษาดินแดนสร้างขึ้นโดยพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามพระพุทธปฎิมากรทั้ง 4องค์ว่าพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ โดยพระราชานให้กับจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 27ธันวาคม 2511 นับไว้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่หาที่สุดมิได้
            นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในปีพุทธศักราช 2489 จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี กาลเวลาได้พิสูจน์ให้มหาชน ได้ประจักษ์เป็นที่แน่ชัดว่าพระองค์ทรงเป็นพระประมุขที่เลิศล้ำ ถึงพร้อมด้วยทศพิธราชธรรม มีพระปรีชาญาณอันลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพ มีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพสกนิกรอย่างแท้จริง โดยมิได้ทรงย่อท้อต่อความเหนื่อยยากลำบาก ทรงอุทิศและทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ตรากตรำพระวรกาย บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา อีกทั้งยังทรงสร้างโอกาสทางวิชาชีพ และความเท่าเทียมกันทางสังคมแก่พสกนิกรทั้งหลาย ด้วยโครงการในพระราชดำริ ทำให้ประชาชนมีความผาสุกถ้วนหน้า พระมหากรุณาธิคุณและพระราชจริยวัตร เป็นที่ประจักษ์แก่อาณาประชาราษฎร์ พระบารมีขจรขจายแผ่ไพศาลไปทั่วทุกทิศานุทิศ
               นายประจวบ กล่าว เพิ่มเติมว่า ปี 2554 ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2554 นับเป็นวาระแห่งความปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่ชาวราชบุรีจะได้มีโอกาสพร้อมใจกันร้อยใจให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อแสดงความจงรักภักดีอันเปี่ยมล้นนี้ จังหวัดราชบุรี องค์กรปกครองท้องถิ่น องค์กรปกครองท้องที่ ในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าราชบุรี และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด จะร่วมมือร่วมใจกันจัดสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ รุ่น "ราชบุรีมหามงคล ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์  เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2554  เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีอันเปี่ยมล้นด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของชาวจังหวัดราชบุรีทั้งมวล  เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของพสกนิกร อันจะทำให้เกิดจิตสำนึกร่วมกันในการสร้างความรักเทิดทูน สถาบันสำคัญของชาติ และเพื่อให้ประชาชนครัวเรือนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าราชบุรี มีพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ รุ่น ราชบุรีมหามงคล ไว้บูชาในครอบครัวของประชาชนรอบโรงไฟฟ้าราชบุรี
การจัดสร้างพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ รุ่น "ราชบุรีมหามงคล" ลักษณะองค์พระพุทธรูปปางสมาธิราบตามแบบศิลปะสุโขทัย โดยมีพระพักตร์แจ่มใส พระเนตรเปิด พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระบาทขวาทับพระบาทซ้าย หล่อด้วยทองเหลือง โดยจัดทำ 2 ขนาด คือขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว จำนวน 17,500 องค์ และขนาด 9 นิ้ว จำนวน 500 องค์ นอกจากนี้หลังจากดำเนินการบวงสรวงเททอง เสร็จสิ้นแล้ว ในเดือนมีนาคม 2554 บริษัทฯ จะดำเนินการจัดงาน พิธีมหาพุทธาภิเษก ณ วัดช่องลม  พระอารามหลวง จังหวัดราชบุรีโดยนิมนต์เกจิอาจารย์ทั่วประเทศ มาอธิษฐานจิตต่อไป
            การดำเนินการดังกล่าว ใช้งบประมาณในการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 17,246,635 บาท ประกอบด้วย งบปของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด จำนวน 16,346,635  บาท และได้รับแรงศรัทธาจากผู้นำชุมชน ประชาชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าราชบุรี ร่วมบริจาคสมทบ เป็นเงิน 900,000 บาท  นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี กองทุนพัฒนาชุมชนจังหวัดราชบุรีในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด และ บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด ด้วย นายประจวบกล่าว


รพ. ดำเนินสะดวก การแพทย์แบบผสมผสาน


ราชบุรี   รพ. ดำเนินสะดวก การแพทย์แบบผสมผสานวิถีสุขภาพแบบโอกาดะ

               ที่ห้องประชุมรพ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับองค์กร MOA International มูลนิธิศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ MOA และมูลนิธิ MOA ไทย ด้านการศึกษาวิจัย พัฒนา การแพทย์เสริมและการแพทย์แบบผสมผสานระหว่าง รพ. ดำเนินสะดวกกับองค์กร MOA International มูลนิธิศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ MOA และมูลนิธิ MOA ไทย โดยมีนายแพทย์ สุรัติ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดำเนินสะดวก เป็นตัวแทนประเทศไทย  และนายมาซาโอะ ชิงะ ประธานคณะกรรมการบริหาร MOA International  จากประเทศญี่ปุ่น เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการเพื่อการศึกษาวิจัย พัฒนา และฝึกอบรมวิชาการด้านการแพทย์และการแพทย์แบบผสมผสาน เพื่อนำวิถีสุขภาพแบบโอกาดะมาปรับใช้ในการดูแลสุขภาพของประชาชน

                  สำหรับวิถีสุขภาพแบบโอกาดะ ซึ่งประกอบด้วย มีหลักของการชำระล้างบำบัด หลักศิลปะบำบัด และหลักโภชนาบำบัด องค์กร MOA International จึงได้ส่งเสริมวิถีทางที่จะมุ่งไปสู่การแพทย์ ด้วยการเผยแพร่การแพทย์แบบผสมผสานตามแนวคิดใหม่จากมุมของมนุษย์แบบองค์รวม ควบคู่ไปกับการนำเสนอ วิถีสุขภาพแบบโอกาดะ ซึ่งจัดให้อยู่ในทางเลือกใหม่กลุ่มของการแพทย์เสริมและการแพทย์แบบผสมผสาน โดยประสานงานกับแพทย์ที่เข้าใจ และได้รับความร่วมมือจากนักบำบัดชำระล้างบำบัดแบบโอกาดะ เป็นแนวคิดใหม่ผู้ให้ความรู้ศิลปวัฒนธรรม และนักส่งเสริมอาหารจากธรรมชาติเป็นหลัก ในการจัดการและเผยแพร่สัมมนาสร้างเสริมสุขภาพทั่วประเทศต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นายกรัฐมนตรีให้ชะลอ มติ ครม.

เกษตรกรเลี้ยงกุ้งเตรียมล่ารายชื่อยื่นถึงนายกรัฐมนตรีให้ชะลอ   มติ ครม.
              ที่บริเวณศาลาเอนกประสงค์โรงเรียนวัดลํานํ้า  หมู่ที่  6  ตําบลดอนใหญ่  อําเภอบางแพ  จังหวัดราชบุรี    เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ภาพกลาง  ทั้งที่อําเภอบางแพ  จังหวัดราชบุรี  จังหวัดนครปฐม  และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์   ประมาณ 200 คน   ประชุมหารือ เตรียมความพร้อมในการล่าลายชื่อเกษตรกรเลี้ยงกุ้งเสนอต่อนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ   นายกรัฐมนตรี ทีเห็นชอบการแก้ใขปัญหาการใช้ความเค็มการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่  3/2553 เมื่อวันที่  8 กณกฎาคม  2553  โดยปรับปรุงข้อความในคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่  2/2541 ลงวันที่   22 กรกฎาคม  2541จาก ระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืด เป็น   “เพื่อระงับการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์สัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด  ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่เลี้ยงกุ้ง   โดยมีนายณรงค์  พลละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  นายอนุเดช   เชี่ยวชาญวิลิตชกิจ   นายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าไทย   เดินทางมาร่วมรับฟังปัญหา    
                นายประกอบ  ทรัพย์ยอดแก้ว  อุปนายกสมาคมเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้าไทย  ประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งคุณภาพจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า      จากมติ ครม.ที่เปลี่ยนระงับการเพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำระบบความเค็มต่ำในพื้นที่น้ำจืดเป็น “เพื่อระงับการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์สัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด   ทําให้เกิดผลกระทบกับเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งจํานวน  55  จังหวัดทั่วประเทศ  ส่งผลให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งทั่วประเทศเริ่มประสบปัญหา  เนื่องจากเป็นอาชีพดั้งเดิมที่ทํามากว่า  20  ปีแล้ว   ซึ่งได้มีการนําเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ประยุกต์ในการเลี้ยง  เช่น  นํากุ้งขาวแวนาไม  จากรัฐฟลอริดา  และรัฐฮาวาย   มาเลี้ยงผสมผสาน     สามารถเพาะพันธุ์กุ้งเพสผู้ได้ทั้งหมด  อีกทั้งยังปลอดสารพิษด้วย  ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดที่ต้องการกุ้งตัวโต   โดยเฉพาะพื้นที่อําเภอบางแพจังหวัดราชบุรี    เลี้ยงกุ้ง และปลา   ประมาณ  80 % ของพื้นที่  ประมาณ  3,657 ไร่  จํานวนมากกว่า  200  ราย    ผลิตกุ้งได้ปีละกว่า  6,494  ตัน   ส่งออกต่างประเทศปีละกว่าสองหมื่นล้านบาท 
                  จึงขอเรียนร้องหน่วยงานภาครัฐให้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง  พร้อมหาแนวทาง ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วประเทศ  เนื่องจากสภาพความเป็นจริงแล้ว  ไม่ตรงกับข้อมูล  หากเกษตรเลี้ยงกุ้งสร้างความเดือดร้อนด้านสิ่งแวดล้อมจริง  ก็สามารถมาดูได้ว่าในพื้นที่ก็มีการปลูกพืชผักทางการเกษตรบริเวณคันบ่อเลี้ยงกุ้ง   สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งขาย และบริโภคในครัวเรือนได้ และน้ำที่เลี้ยงกุ้งในปัจจุบันก็ไม่เกินมาตรฐานที่กรมชลประทานกำหนดอย่างแน่นอน
                  อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้ร่วมกันล่าลายซื่อ  เพื่อยื่นเสนอต่อรัฐบาลให้ชะลอมติ  ครม.ดังกล่าว  และขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมลงมาตรวจสอบและวิจัยคุณภาพนํ้าว่ากระทบกับสิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่  และข้อให้จบด้วยการตรวจสอบด้วย  อีไอเอ  ซึ่งขณะนี้ทางเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งกําลังรวมตัว และเอกสารยื่นถึงนายรัฐมนตรี  เพราะทุกคนไม่ต้องการที่จะไปปิดถนนประท้วงที่จะเกิดความเดือนร้อนแก่ผู้อื่น แต่การปิดถนนกระท้วงขอให้เป็นขั้นตอนสุดท้วย
                นายณรงค์  พลละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  กล่าวว่า  ทางจังหวัดรับทราบปัญหาดี  เมื่อมีมติ ครม.ออกมาอย่างนี้  หากประชาชนประสงค์ที่จะยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีก็สามารถทําได้ เพื่อให้ท่านได้รับทราบปัญหาความเดือนร้อนที่แท้จริง   แต่อย่างไปประท้วงปิดถนนจะก่อให้เกิดความเดือนร้อนผู้อื่น

ชาวบ้านทําบุญ

ชาวบ้านทําบุญโครงกระดูกโบราณราว 2,000 ปี   

                    ชาวบ้านในตําบลโพหัก   อําเภอบางแพ   จังหวัดราชบุรี   ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากศิลปากรที่ จังหวัดราชบุรี    ร่วมกันจัดพิธีทําบุญเลี้ยงพระเพลแด่พระสงฆ์จํานวน 9 รูป   บริเวณที่ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ   เศษภาชนะ   ลูกปัด  กําไล   เศษกระเบื้อง    เครื่องปั่นดินเผา   ก้ามปูฟอสซิล   อายุเกือบ 3000 ปี   ที่บริเวณคันดินริมบ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกราม    และสถานที่ทิ้งขยะของเทศบาลตําบลโพหัก  บ้านโคกพลับ  หมู่ที่  ตําบลโพหัก  อําเภอบางแพ      ซึ่งทางศิลปากรที่ โดยเจ้าหน้าที่โบราณคดีได้ทําการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์กว่า 10 โครงแล้ว  เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา    ซึ่งแต่ละศพเป็นโครงกระดูกอยู่ในสภาพที่นอนวางทับถมกันเป็นชั้น ๆ    ลึกจากพื้นดินประมาณ  3 เมตรเศษ   อีกฝั่งยังเป็นสถานที่ที่เคยค้นพบเป็นที่ทิ้งขยะกองโตของเทศบาลอีกด้วย
                  ทางด้าน นายนิคม  นักคุ่ย   กํานันตําบลโพหัก และชาวบ้าน จึงได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดใหญ่โพหัก และวัดใกล้เคียงจํานวน 9 รูป  มาร่วมกันทําบุญตัดบาตร   ถวายพัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์    เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับโครงกระดูกดังกล่าว   พร้อมทั้งร่วมกันบริจาคเงินสมทบ  สร้างหลังคากระเบื้องที่มาตรฐานปกคลุมหลุมศพโครงกระดูกโบราณ   เพื่อกันแดดกันฝน พร้อมทั้งจะร่วมใจกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว  จะเกิดประโยชน์กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างยิ่ง
                  สำหรับการดําเนินการขุดค้นหาโครงกระดูกในพื้นที่ประมาณ  ไร่  ที่ปัจจุบันทางเทศบาลตําบลโพหักได้นําขยะมาทิ้งวันละ 2 ตัน ซึ่งเป็นปัญหากับการพัฒนาอย่างยั่งยืน    ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่โบราณสถานเป้นส่วนหนึ่งของชาวโพหัก การนำขยะมาทิ้งในพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นการดูถูกบรรพบุรุษของชาวโพหัก  จึงขอให้ทางเทศบาลเร่งนําขยะออกไป  เพื่อความสบายใจของชาวบ้าน    เพื่อเป็นพื้นที่ในการฟื้นฟูด้านวัฒนธรรม และแหล่งโบราณคดี  พร้อมทั้งพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไปอีกด้วย

หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา

รณรงค์หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา

กลุ่มผู้ศึกษาและเปิดเผยพระพุทธศาสนา พร้อมด้วยสมาชิกกลุ่ม
ได้ร่วมกันรณรงค์นำเอาเอกสารแผ่นพับที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์
-สามเณร ออกแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไปหวังสร้างความรู้การทำบุญในทางที่ถูกต้องที่บริเวณกลางแยกไฟแดงถนนคฑาธร อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นางสุภาพร สวัสดี นางปุญิกาปัญญาสาร และนายกิตตินพ  จีรพงษ์อุดมตัวแทนกลุ่มผู้ศึกษาและเปิดเผยพระพุทธศาสนาพร้อมด้วยสมาชิกกลุ่มจำนวนกว่า 200 คนนำเอกสารแผ่นพับที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์ สามเณรซึ่งมีเนื้อหาและข้อความต่าง ๆนำมาแจกให้กับประชาชนตามท้องถนนตลอดจนชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรีอาทิ แผ่นพับและชูป้ายที่มีคำว่าหยุดทำร้ายพระพุทธศาสนาหยุดทำบาปให้กับตนเองหยุดถวายทอง-เงิน แด่พระภิกษุสงฆ์สามเณรหรือข้อความเนื้อหาที่กลุ่มฯได้จัดพิมพ์ขึ้นคัดลอกมาจากพระไตรปิฏก เล่ม 3 หน้า 940 เล่มสีน้ำเงินเล่ม 3 หน้า 887 เล่มสีแดงแล้วจัดพิมพ์มาเผยแผ่นำแจกกับบุคคลประชาชนทั่วไป   ซึ่งทางด้านนางปุญิกา ปัญญาสาร หนึ่งในตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่าทางกลุ่มได้มีการรวมตัวกันทั่วประเทศจำนวนหลายหมื่นคนที่ลงทะเบียนและไม่ได้ลงทะเบียนโดยทางกลุ่มผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาได้ร่วมกันนำเอกสารแผ่นพับมาแจ้งให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดต่าง ๆได้รับรู้ถึงความเป็นมาร่วมทั้งเพื่อให้ประชาชนชาวพุทธได้ปฏิบัติตัวต่อการทำบุญกับพระภิกษุสงฆ์สามเณร ในทางที่ถูกต้องตลอดจนให้รับทราบความจริงว่าการทำบุญนั้นทำอย่างไรได้บุญและทำบุญอย่างไรถึงได้บาป และยังรวมถึงเรื่องพระภิกษุสงฆ์ -สามเณรหากรับเงิน -ทองสิ่งของบางอย่างที่ผิดวินัยสงฆ์แล้วบาปและเป็นบาปทั้งผู้ให้และผู้รับด้านนางสุภาพร  สวัสดี เปิดเผยว่าเห็นว่าชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่มักคุ้นเคยกับการทำบุญแบบเดินมาตั้งแต่หลายร้อยปีมาแล้วนั้นโดยส่วนมากทำบุญแล้วได้บาปโดยทางกลุ่มเห็นว่าเพื่อเป็นการชี้แนวทางการทำบุญที่ทำบุญแล้วได้บุญจริงๆนั้นทำอย่างไร จึงได้จัดกิจกรรมขึ้นเพื่อเป็นการชี้แนวทางการทำบุญในโอกาสต่อไปว่าทำบุญแล้วต้องได้บุญไม่ใช่ได้บาป

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

กะเหรี่ยงศูนย์อพยพ

   กะเหรี่ยงศูนย์อพยพบ้านถ้าหินเดินเท้ากว่า 8 กิโลเมตรรับของแจกหลังถนนถูกตัดขาด
                          วันนี้ นายณรงค์  พลละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  นางจิตนา  ชิ้นปิ่นเกลียว  ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี  และองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี  นำสิ่งของอุปโภค บริโภค  ข้าวสารอาหารแห้งแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม  บริเวณสถานีอนามัยบ้านถ้ำหิน หมู่ที่  5  ตำบลสวนผึ้ง  อำเภอสวนผึ้ง  จังหวัดราชบุรี  จำนวนกว่า   500 ชุด  ซึ่งสะพานและถนนหลายแห่งถูกน้ำตัดขาดใช้การไม่ได้ และยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซม             นายวิรุณ   นกศรีแก้ว   คณะกรรมการหมู่บ้านบ้านถ้าหิน  กล่าวว่า  ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวชาวกะเหรี่ยงที่ลี้ภัยจากการสู้รบประมาณ 4,000 คน และประชาชนโดยรอบพื้นที่ศูนย์รวมแล้วเกือบ 10,000 คน    มีโรงพยาบาลภายในศูนย์อพยพ ฯ  ที่คอยดูแลและช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยอยู่                                                  ขณะนี้ประสบปัญหาเนื่องจากเครื่องปั่นไฟที่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยเหลือผู้ป่วยไม่มีน้ำมันในการปั่นกระแสไฟฟ้า  จึงต้องให้ชาวกระเหรี่ยงที่อยู่ในศูนย์อพยพเดินทางเท้ามาตามร่องน้ำป่าเพื่อแบกน้ำมัน  เครื่องอุปโภค  บริโภค ที่ได้รับการแจกจ่ายจากหน่วยงานต่าง ๆ   มาตามร่องน้ำไหล  บางจุดต้องใช้ไม้ไผ่    2  ลำ  มาวางทอดข้ามเพื่อเดินข้ามลำห้วยอย่างทุลักทุเล   ระยะทางจากศูนย์ฯ ถึงสถานีอนามัยบ้านถ้ำหินประมาณ  5  กิโลเมตร  ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ศูนย์พักพิงอีก  76  หลังคาเรือนต้องเดินเท้าประมาณ  9  กิโลเมตร    ที่ต้องการมากที่สุดขณะนี้คือเทียนไข   เพื่อจุดส่องแสงสว่างช่วงกลางคืน  เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถูกน้ำป่าตัดถนนขาด และยังไม่มีไฟฟ้าเข้าไปถึง   รถยนต์กว่า  40   คัน  ที่ติดอยู่ข้างในยังไม่สามารถเดินทางออกมาได้  
                                               ทางเจ้าหน้าที่องค์การ  IRC  และ  COERR หรือ  คูเออร์  จากสำนักกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยและลี้ภัย  ได้เดินทางเข้าช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรมแล้ว  เทศบาลตำบลห้วยชินสีห์นำเครื่องสูงน้ำออกจากพื้นที่นาของชาวบ้านหลังถูกน้าท่วมขัง
 
            เวลา 17.00 น.  วันที่ 8  ตุลาคม  2553    แม้ว่าระดับน้ำได้ลดลงเกือบจะปกติแล้วในหลายพื้นที่ของจังหวัดราชบุรี  แต่ยังมีน้ำท่วมขังอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณหมู่ที่  4  ตำบลอ่างทอง  อำเภอเมือง  ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลห้วยชินสีห์   ได้นำเครื่องสูบน้ำ   2 เครื่องมาติดตั้งสูบน้ำออกจากนาข้าว   และพื้นที่เกษตรของชาวบ้าน  หลังจากที่ระดับน้ำลดลง  และยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังจะให้การช่วยเหลือ   
              ซึ่งการเกิดอุทกภัยในครั้งนี้  นายสุเทพ  โกมลภมร  ผู้ว่าราชการจังหวัด  ได้ประเมินความเสียหายทั้งบ้านเรือนประชาชน  สะพาน  ถนนขาด  นาข้าว  พื้นที่การเกษตร  ปศุสัตว์  และโรคภัยต่าง ๆ ไว้ที่ประมาณ  300  ล้านบาท โดยได้สั่งการให้ทางอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบความเสียหายทั้งหมดแจ้งมาทางจังหวัดเพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้กับประชาชนต่อไป

ผู้ว่าราชบุรีตรวจพื้นที่

ผู้ว่าราชบุรีตรวจพื้นที่ท่วมรอบ 2 ฝนตกหนักปริมาณนํ้าในอ่างเก็บนํ้าสูง
          นายสุเทพ  โกมลภมร  ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  นายมานิต  นพอมรบดี  ส.ส.ราชบุรี  พรรคภูมิใจไทย  นายสุรพล  ปั้นสังข์  หัวหน้าสํานักงานกรมทางหลวงชนบท  ส่งพื้นที่ตรวจสอบการซ่อมแซมสะพานข้ามลําห้วยบ้านลําพระหมู่ที่  11 ตําบลบ้านบึง  อําเภอบ้านคา  จังหวัดราชบุรี  หลังถูกนั้าป่าพัดจนสะพานทรุดตัวลงใช้การไม่ได้  จึงได้นําสะพานแบริ่งมาใช้สัญจรชั่วคราว           ขณะที่ครอบครัวของนายสิน  จันทร์เพชร  ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน  8  คน  ปลูกบ้านทําสวนอยู่ใกล้กับสะพาน  ถูกนํ้าป่าพัดบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด เหลือรอดมาได้แต่ตัว  สามารถนําลูกชายวัย 1 ขวบและ 5 ขวบหนีออกมาได้ทัน  ขณะตรวจสอบพื้นที่ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักมีลมแรงจนต้นไม้ริมถนนหักโค้น          จากนั้นคณะผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  ได้ตรวจสอบอ่างเก็บนํ้าสํานักห้วยไม้เต็ง  ตําบลนํ้าพุ  อําเภอเมือง  หลังจากได้รับรายงานว่าปริมาณนํ้าในอ่างที่รับนํ้าได้  36  ล้านลูกบาตรเมตร  ขณะนี้ปริมาณนํ้าให้อ่างเพิ่มมาขึ้นจากเมื่อวานนี้  28  ล้านลูกบาตรเมตรขึ้นมาที่  31 ล้านลูกบาตรเมตรอย่างรวดเร็ว  เหลือเพียง  5 ล้านลูกบาตรเมตรจะเต็มอ่าง
         นายมานิต  นพอมรบดี  ส.ส.ราชบุรี  กล่าวว่า  จากการตรวจสอบปริมาณนั้าในอ่างขณะนี้จะรองรับนํ้าได้อีก  5 ล้านลูกบาตรเมตร  หากฝนยังตกลงมาในคืนนี้คาดว่าปริมาณนั้าจะเพิ่มมากขึ้น  โดนนํ้าส่วนที่เหลือจะไหลผ่านสปริงเว และจะเข้าท่วมนาข้าว และบ้านเรือนประชาชนใน  5 ตําบล คือตําบลห้วยไผ่  ตําบลดอนแร่  ตําบลอ่าง  ตําบลดอนตะโก  และตําบลคูบัว  ซึ่งกับนั้าเดิมที่ยังระบายออกไม่หมด

น้ำป่าที่สวนผึ้งยังแรง

  น้ำป่าที่สวนผึ้งยังแรง ส่วนนักท่องเที่ยวที่ติดในรีสอร์ทถูกนำออกมาแล้ว
              ล่าสุดน้ำป่าที่อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี ยังคงไหลเชี่ยวรุนแรงพัดคอสะพานขาด 4 ตัว ถนนขาดหลายสาย ส่วนที่สะพานข้ามแม่น้ำลำภาชีไปยังอำเภอสวนผึ้งนั้นขณะนี้น้ำปริ่มคอสะพาน ทางจังหวัดหวั่นสะพานจะทรุดตัวเตรียมประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในอำเภอสวนผึ้งให้หลีกเลี่ยงเพื่อไปใช้เส้นทางอื่นพร้อมกับประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ 5 อำเภอคือ อำเภอสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง อำเภอปากท่อ อำเภอเมือง  และอำเภอโพธาราม  นอกจากนี้บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยสุดที่บ้านตะโกล่าง ต.สวนผึ้ง อ่างเริ่มร้าวเพราะปริมาณน้ำเยอะ ทางผู้นำชุมชนได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมขนย้ายข้าวของออกนอกพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
        ด้านกรมการทหารช่างจ.ราชบุรี ได้นำสะพานเหล็กมาทอดเพื่อให้ประชาชนได้สันจรชั่วคราวที่บริเวณสะพานที่ขาดทั้งหมด พร้อมทั้งนำกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ถุกน้ำท่วมโดยร่วมกับหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ จ.ราชบุรี ใกล้เคียงกว่า 5 หน่วย
          ส่วนนักท่องเที่ยวที่ยังติดค้างในสวนผึ้งคันทรีฮิลล์รีสอร์ท จำนวน 40 คนทางเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี ได้นำอาหารพร้อมกับน้ำดื่มส่งเข้าไปให้โดยใช้เชือกสลิงดึงของส่งไปให้  แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำเรือขาดใหญ่เข้าไปทำการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว  
        สำหรับฝนนั้นขณะนี้ก็ยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่องทำให้ปริมาณน้ำป่าที่ไหลลงมาจากเทือกเขานั้นยังมากอยู่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ความเสียหายเพื่อจะได้เข้าไปทำการซ่อมแซมในช่วงที่ฝนหยุดตกแล้ว   

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

บุกป่าไม้ราชบุรี

ชาวจ.ประจวบฯบุกป่าไม้ราชบุรี ทวงถามการระงับโรงถลุงเหล็ก
นายวิฑูรย์ บัวโรย และนายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันต์ ได้นำชาวบ้านใน ต.แม่รำพึง กว่า 200 คน เดินทางมาที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ซึ่งตั้งอยู่เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี เนื่องจากป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี นั้นคุมพื้นที่ทั้งหมด 9 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ราชบุรี จ.กาญจนบุรี จ.นครปฐม จ.สุพรรณบุรี จ.สมุทรปราการ จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี และจ.ประจวบฯ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามเรื่องที่อธิบดีกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน นส.3 ก จำนวน 52 แปลง ที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นที่ดินที่กำลังมีการก่อสร้างโรงงานถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา โดยให้บังคับใช้กฎหมายของป่าไม้มาตรา 25 มาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.53 ที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งการมาทวงถามในครั้งนี้ทางกลุ่มฯได้ไปยื่นหนังสือให้กับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลมาก่อนหน้านี้แล้ว และกลับมายื่นที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี
 โดยมีนายเอิบ เชิญสะอาด รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ได้มารับหนังสือและเชิญตัวแทนของกลุ่มเข้าไปพุดคุย โดยตัวแทนของกลุ่มฯนั้นได้อธิบายถึงพื้นที่ที่ได้ทำการต่อต้านกันมาแล้วกว่า 6 ปี ว่าเป็นพื้นที่ป่าพรุและเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแต่กลับมีนายทุนเข้าไปบุกรุกทำลายป่าพรุแม่รำพึงและทำการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กโดยอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องทำให้ชาวบ้านในต.แม่รำพึง ลุกขึ้นมาต่อต้านและสุดท้ายทางอธิบดีกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดเพราะตรวจสอบแล้วว่าได้มาอย่างไม่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการอะไรในพื้นที่เนื่องจากเรื่องทั้งหมดนั้นมาค้างอยู่ที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของป่าไม้ที่ 10 ก็ได้พยายามอธิบายให้ชาวบ้านที่มาทวงถามว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากทางผู้ประกอบการโรงงานถลุงเหล็กได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อขอให้ระงับการเพิกถอนสิทธิ์ในที่ดินในต.    แม่รำพึง และขอความคุ้มครองชั่วคราว แต่ทางชาวบ้านที่มาต่างก็แสดงความไม่พอใจและยื่นคำขาดให้เจ้าหน้าที่ของป่าไม้ที่ 10 ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางผู้ประกอบการโรงงานถลุงเหล็กที่ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยมิชอบตามที่อธิบดีกรมป่าไม้มีคำสั่ง ภายใน 3 วัน ซึ่งถ้าไม่มีการแจ้งความใดๆทางตัวแทนของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง จะแจ้งความเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ฐานละเลยการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 พร้อมกับทำการเผาโลงศพเพื่อสาปแช่งเจ้าหน้าที่ที่คอรับชั่นที่บริเวณหน้าสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ก่อนจะเดินทางกลับจ.ประจวบฯ

กิจกรรมฟื้นฟูและปรับทัศนียภาพ

กิจกรรมฟื้นฟูและปรับทัศนียภาพคลองรางสีหมอก
         การประปาส่วนภูมิภาค อำเภอดำเนินสะดวกจ.ราชบุรี   จัดโครงการอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลอง  ฉลอง 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในกิจฟื้นฟูและปรับทัศนียภาพบริเวณคลองรางสีหมอก ที่โรงเรียนบ้านรางสีหมอก อำเภอดำเนินสะดวก  โดยมี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ลุ่มน้ำแม่กลอง  ในกิจฟื้นฟูและปรับทัศนียภาพบริเวณคลองรางสีหมอก ที่ทางการประปาส่วนภูมิภาค อำเภอดำเนินสะดวกได้จัดขึ้น   มีวัตถุประสงค์เพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา รวมถึงเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ตามวิสัยทัศน์นโยบายน้ำแห่งชาติ โดยเน้นการมีส่วนของภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคส่วนสังคมชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนลุ่มน้ำแม่กลอง รวมถึงสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู แม่น้ำลำคลองในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง เพื่อลดภัยพิบัติจาก น้ำแล้ง น้ำเสีย และการเกิดตะกอนดินทรายทับถม สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน เยาวชน ช่วยกันดูแลรักษาและพัฒนา แม่น้ำ คูคลอง ตลอดจนให้ตระหนัก ถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมปล่อยพันธุ์ปลา โดยได้รับการสนับสนุนพันธุ์ปลาจำนวน 10000 ตัว จากสำนักงานประมงอำเภอดำเนินสะดวก และ การเก็บวัชพืชบริเวณท่าน้ำโรงเรียนบ้านรางสีหมอก และเก็บวัชพืชในแม่น้ำคูคลองในเขตอำเภอดำเนินสะดวก ซึ่งทางรองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้นำส่วนราชการในพื้นที่ร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพียงกัน

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

เวทีเสื้อแดงที่ราชบุรี

เวทีเสื้อแดงที่ราชบุรี แกนนำดังแห่ร่วมเพียบ

กลุ่มคนเสื้อแดงจากจังหวัดราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ทยอยมาร่วมงานประมาณ 500 คน โดยรวมตัวกันที่บริเวณพื้นที่ว่างริมถนนสายกาญจนบุรี-บ้านโป่ง หมู่ 15 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง เพื่อเปิดเวทีปราศรัย โดยมีแกนนำคนสำคัญเช่นนาย จตุพร พรหมพันธุ์ ดร.สุนัย จุลพงศธร ดร.อภิวัน วิริยะชัย นายแพทย์สุชาติ ธาดาธำรงเวช นายแพทย์ประสงค์ บูรณะพงศ์ แป๊ะ บางสนาน วรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ รังสี เสรีชัย และพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ได้ทยอยขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวโจมตีว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ ฆ่าประชาชนและเรียกร้องไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงไปร่วมปรองดองตามที่รัฐบาลปัจจุบัน ได้เรียกร้องที่จะให้เกิดความปรองดองและสมานฉันท์ ภายในงานได้มีการขายโต๊ะจีนให้กับประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียวจำนวน 120 โต๊ะๆละ 2000 บาทเพื่อนำเงินที่ได้มาสร้างกิจกรรม โดยทางนายครรลอง ยุทธชัย นายอำเภอบ้านโป่ง ร่วมกับทาง พ.ต.อ.สมเดช ธิตวัฒนสกุล ผกก.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้ง อาสาสมัครเพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันมือที่ 3 เข้ามาสร้างปัญหา กว่า 100 นาย
นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนคนเสื้อแดงให้ไปร่วมในงานให้จัดงาน ปูเสื้อกินข้าว เล่าเรื่องให้ฟังกัน โดยจะเริ่มด้วยการออกกำลังกายเต้นแอร์โรบิคร่วมสมัย หลังจากนั้นก็นั่งพักผ่อนและร่วมรับประทานอาหาร ซึ่งแต่ละคนจะนำเสื่อมาปูและนำอาหารมามานั่งร่วมรับประทานกัน เพื่อความสนุกสนาน และร่วมแสดงความคิดเห็น เล่าเรื่องราวและความรู้สึก เหตุการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งจะจัดขึ้นที่บริเวณสนามกีฬากลางราชบุรี ในเวลา 16.00 น. วันที่ 19 กันยายน 2553 โดยในวันดังกล่าวภายในสนามกีฬากลางยังได้มีการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 2 นัดปิดสนามระหว่างราชบุรีเอฟซี กับสมุทรปราการ เอฟซีซึ่งมีการเชิญนายสรอรรถ กลิ่นประทุม และทีมงานพรรคภูมิใจไทย มาร่วมปิดการแข่งขันอีกด้วย

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ครอบครัวช่างศิลป์ร้อง



ครอบครัวช่างศิลป์ร้องขอความช่วยเหลือเลี้ยงลูก 4 คน แม่อีก 1 ตนเองป่วยเป็นเนื้องอกในปอดวอนเพื่ออนาคตลูก

นางนํ้าทิพธ์ กําพลศักดิ์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 6 ตําบลรางบัว อําเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี เปิดเผยถึงการประสบปัญหาในชีวิต เรื่องโอกาสการศึกษาในอนาคตของลูก 4 คน มารดาที่ป่วยเป็นโรคเจ็บหัวเข่า และความดัน ขณะนี้ตนกลางเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากสามีที่เคยทําอาชีพช่างเขียนภาพจิตกรรมฝาผนังโบสถ์ตามวัด ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ตนเองป่วยเป็นโรคปอดติดเชื้อแพทย์โรงพยาบาลเอ็กซเรย์พบก้อนเนื้องอกในปอด เวลาไอรู้สึกเจ็บหน้าอกมาก แพทย์นัดผ่าตัดชิ้นเนื้อตรวจวินิจฉัยวันที่ 30 กันยายนนี้ ขณะที่ตนทํางานโรงงานผลิตนํ้าผลไม้ได้ค่าแรงวันละ 165200 บาท ค่าใช้จ่ายไม่พอกับความเป็นอยู่ทําให้ลําบากมาก บ้านที่อยู่ก็อาศัยบ้านเถ้าแก่ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของสามี ที่ให้อยู่โดยมีคิดค่าใช้จ่าย แต่ที่เป็นหวงมากคือลูก 4 คน โดยลูกสาวคนโต คือ น.ส.นํ้าเพชร กําพลศักดิ์ อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม. 3 โรงเรียนชุมชนวัดรางบัว และคนรอง ด.ญ.พลอยรุ้ง อายุ 13 ปี ชั้น ม. โรงเรียนเดียวกัน เนื่องคนโตต้องย้ายตามพ่อแม่ไปวาดภาพบ่อยจึงต้องเรียนช้ากว่าคนรอง ส่วนลูกคนที่ 3 คือเด็กชายพีรภัทร์ กําพลศักดิ์ อายุ 6 ขวบ อยู่ชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนชุมชนวัดรางบัว ส่วนน้องคนที่ 4 เด็กชายเชษฐพร กําพลสักดิ์ อายุ 1 ขวบ 1 เดือน ต้องอยู่กับนางทองเหรียญ บัวขาว อายุ 73 ปี ผู้เป็นยายดูแลยามที่ตนไปทํางานรับจ้าง
ซึ่งลูกคนที่ 34 และคนโตมีความสามารถในการวาดภาพจิตกรรมฝาผนัง และปั่นรูปโดยใช้เศษกระดาษผสมกับกาวลาเท็กให้เป็นรูปตัวละครได้อย่างสวยงามตามรอยพ่อ นอกจากนี้ลูกคนโตและคนรอง ปิดเทอมหน้านี้ทางโรงเรียนจะให้วาดภาพกําแพงโรงเรียน เพราะเห็นว่ามีความสามารถ โดยเมื่อวันแม่แห่งชาติลูกทั้ง 3 คน ได้รับรางวัลวาดภาพดีเด่น ในหัวข้อ ความคิดของลูกที่ดีต่อแม่ อีกทั้งลูกสาวทั้ง 2 ยังรับจ้างซักผ้าในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ ตะกล้าละ 50 บาท จะมีเพื่อนบ้านนํามาซัก เพื่อช่วยเหลือครอบครัว ในขณะที่ลูกชายคนเล็กมีร่างกายเล็กกว่าปกติ เพราะต้องให้อดนมมาตั้งแต่อายุ 7 เดือน
นางนํ้าทิพธ์ กําพลศักดิ์ กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนทํางานมีรายได้น้อยวันละ 165 บาท หากวันไหนมีล่วงเวลาจะได้ 200 บาท และต้องหารายได้โดยการทําเสริมสวยให้กับคนในหมู่บ้านได้หัวละ 100 บาท แต่ได้นาน ๆ ครั้ง รายได้จึงไม่พอกับรายจ่าย ซึ่งปีหน้าลูกสาวคนโตและคนรองต้องเดินทางไปเรียนในตัวเมืองราชบุรี หากตนป่วยเป็นโรคร้ายจริง ลูกทั้ง 4 จะหมดโอกาสทางการศึกษา อีกทั้งแม่ที่ป่วยก็จะไม่มีใครเลี้ยงดู ส่วนตนก็จะเดินทางไปหาหมอบ่อยเดือนละ 2 ครั้ง และต้องหยุดงานทําให้ถูกตัดค่าแรง แม้ว่าค่ายาจะใช้บัตร 30 บาท แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง จึงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
นายอธิพล อร่ามศิริรุจิเวทย์ ครูโรงเรียนชุมชนวัดรางบัวเป็นครูผู้สอน กล่าวว่า น.ส. นํ้าเพชร ด.ญ.พลอยรุ้ง ร่วมถึเป็นนักเรียนมีครอบครัวที่น่าสังสาร ความสามารถเรื่องการเรียน เก่งทั้งด้านดนตรีวงดุริยาง ศิลปะวาดภาพ การประดิษฐ์ จะทําได้ดี และยังเป็นนักกีฬาเปตองของโรงเรียนด้วย การเรียนอยู่ในเกรดดีมาก เป็นที่ชื่นชมของครู อาจารย์มาก เพราะมีความตั้งใจในการเรียนสูงมาก เวลานี้เป็นห่วงเรื่องการศึกษาเพราะความเป็นอยู่ในครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน


หมายเลขบัญชี / นางนํ้าทิพย์ กําพลศักดิ์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีสุริยะวงศ์ราชบุรี 447 2 165505
  


ในวันนี้(14 ก.ย.53) เวลา 11.30 น. นางกรองกาญจน์  โกมลภมร  นายกเหล่ากาชาดจ.ราชบุรี ร่วมกับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  และอำเภอจอมบึง ได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของนางน้ำทิพย์ที่บ้านพร้อมกับมอบข้าวสารอาหารแห้งและมอบเงินช่วยเหลือให้จำนวนหนึ่งเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ในการเปิดร้านเสริมสวยที่บ้านเพราะเดิมนั้นนางน้ำทิพย์นั้นเป็นช่างทำผมอยู่แล้ว แต่ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์จึงต้องไปทำงานในโรงงานแทนเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว ส่วนเรื่องของการรักษาพยาบาลที่นางพรทิพย์จะต้องไปทำการผ่าตัดในวันที่ 30 ก.ย.53 นั้นทางกาชาดก็จะช่วยดูแลประสานในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลและช่วยเหลือครอบครัวในช่วงที่นางน้ำทิพย์นั้นยังทำงานไม่ได้ด้วย

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโรงงาน

สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโรงงานในเขตพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก


ตามที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องของน้ำเสียในคลองดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี มาอย่างต่อเนื่อง และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบถึงสาเหตุของน้ำเสีย ซึ่งก็พบว่าส่วนหนึ่งมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ หลายแห่งที่ขาดระบบบำบัดที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน โดยเรื่องดังกล่าว ทางสำนักงานอุตสาหกรรม โดยนายสุรพล ชามาตย์ อุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี จึงได้จัดการประชุมให้ความรู้กับผู้ประกอบการทั้ง 9 แห่งในเขตพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก โดยมีนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในการประชุม และมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยศรี ธาราสัสดิ์พิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและพลังงานทดแทน มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ โดยในการประชุมมีการอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนของการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเบื้องต้นแบ่งออกเป็นระบบบำบัดขั้นต้น คือการแยกสารต่างๆออกจากน้ำเสียหรือปรับสภาพน้ำให้เหมาะต่อการบำบัด รวมถึงระบบบำบัดขั้นที่สอง คือการกำจัดค่าความสกปรกในน้ำให้ได้น้ำทิ้งที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบบำบัดขั้นที่สาม คือการกำจัดสารที่หลงเหลือให้หมดไป โดยการบำบัดดังกล่าวยังแบ่งออกเป็นการบำบัดน้ำเสียทางเคมี และการบำบัดทางชีวภาพอีกด้วยนอกจากนี้ ในการประชุม ยังได้มีการเสนอให้ทางกลุ่มผู้ประกอบการแต่งตั้งคณะกรรมการ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่หลายแห่ง ต้องการระบบการบำบัดที่แตกต่างกันออกไปสาเหตุมาจากสถานที่ที่มีจำกัด โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็เพื่อวางแผนสำรวจกิจการของโรงงานแต่ละแห่ง และนำมาสรุปหาแนวทางการแก้ปัญหาของระบบบำบัด เพื่อติดตามผลต่อไป อีกทั้งภายในการประชุมทางนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำเสียที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากการปล่อยปะละเลย และไม่สนใจผลกระทบทางทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ของผู้ประกอบการ โดยนับจากนี้ไป ทางจังหวัดจะมีการเข้มงวดในด้านกฎหมาย และหากพบว่าผู้ประกอบการรายใดยังฝ่าฝืนปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำลำคลองอีก ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

พายุพัดต้นไม้หักทับบ้าน

พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านโชคดีเด็กน้อยวัย 20 วันรอด




 นางปาลิดา ประถมภัฎ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหลักเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลได้นำอุปกรณ์ตัดต้นไม้ ทั้งเลื่อยยนต์ และมีด ได้เดินทางไปที่บ้านของ นายนรินทร์ เทศปลื้ม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 / 1 หมู่ 3 ตําบลโคกหม้อ อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี หลังได้รับแจ้งว่าที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นถูกพายุพัดต้นไม้หักใส่ทับบ้านได้รับความเสียหาย



ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบ นายนรินทร์ เทศปลื้ม ยืนอุ้มลูกน้อยเพิ่งคลอดใหม่ได้เพียง 20 วันเศษ ยืนอยู่หน้าบ้านด้วยความตกใจ โดยนายนรินทร์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีลมพายุพัดแรงจนกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักทับหลังคาบ้านตรงบริเวณห้องนอนที่ตนกับภรรยาและลูกกำลังนอนหลับอยู่ จนหลังคาบ้านได้รับความเสียหายเศษกระเบื้องหลังตกลงมาที่พื้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตนต้องรีบพาลูกน้อยวัย 20 วันออกมานอนข้างนอก



ด้านนางปาลิดา ประถมภัฎ นายกเทศบาลตําบลโคกหม้อ ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้นเพื่อจะได้ทำการช่วยเหลือในเบื้องต้นต่อไป

ตรวจพื้นที่บุกป่าสวนผึ้ง

กองทัพบกร่วมกับกรมการทหารช่างราชบุรีตรวจพื้นที่รุกป่าสวนผึ้ง


 พลตรีปัฐมพงศ์ ประถมภัฎ รองเจ้ากรมการทหารช่างราชบุรี พร้อมด้วย พลตรีวีรศักดิ์ รักษาทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.กสิณ จ้อยประดิษฐ์ หัวหน้ากลุ่มงานข่าวกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดราชบุรี พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงศ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจค่ายทัพพระยาเสือ กองกําลังสุรสีห์ และนายไสว วนสบดีกุล ธนารักษ์จังหวัดราชบุรี เข้าร่วมประชุมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ที่ค่ายทัพพระยาเสือ อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลังจากมีข่าวราษฎรบุกรุกป่าพื้นที่ราชพัสดุ ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านถํ้าหิน ตําบลสวนผึ้งหลายหมื่นไร่ ที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ตรงกับความเป็นจริง พลตรีปัฐมพง์ เปิดเผยว่า ได้เชิญสื่อมวลจากแขนงต่าง ๆ จากส่วนกลาง มารับฟังบรรยายสรุปพื้นที่ราชพัดุที่มีการบุกรุกจํานวนมาก มีการปลูกยางพารา และปาร์มนํ้ามัน จนโล่งเตียนขึ้นเขาเกินพื้นที่ลาดชั้น 35 เบอร์เซ็น 19 องษา ที่กรมการทหารช่างราชบุรี และส่วนหนึ่งกองพลพัฒนาที่ 1 ดูแลพื้นที่ใช้ประโยชน์ มีเนื้อที่ประมาณ 5 แสนไร่ จึงมีการตั้งกฏเกณฑ์ 5 ข้อให้กับผู้ที่ขอเช่าพื้นที่ให้ถูกต้อง หากฝ่าฝืนจะดําเนินการในขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก คือ เข้าสู่ขบวนการยุติธรรม พร้อมประสานให้ข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน อย่างไรก็ตามการตรวจสอบพื้นที่ครั้งนี้ ได้มีการประสานขอเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพบก นําคณะสื่อมวลชน พร้อมนางกัลยา ศิริเนาวกุล ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจําจังหวัดราชบุรี เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่บ้านถํ้าหิน อีกทั้งนํากําลังเจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบทางภาคพื้นดินด้วย ซึ่งพบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกบุกรุกไปกว่า 3 หมื่นไร่ ในพื้นที่ราบเชิงเขา รวมทั้งมีการบุกรุกขึ้นเขาหลายลูกจนทําให้ป่าเสียหายไปจํานวนมาก ทั้งนี้เพื่อนําเสนอข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวอย่างถูกต้อง

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ

กองทัพบกตรวจพื้นที่เตรียมประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันที่ราชบุรี


เวลา 11.00 น. วันที่ 7 กันยายน 2553 พลเอก จริยะ ทองทับ ผู้อํานวยการสํานักงานประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และความมั่นคง กองทัพบก กล่าวภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ตําบลยางหัก อําเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชประสงฆ์ที่จะรักษาป่าเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ไว้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ซึ่งพระองค์ทรงเห็นความสําคัญ จึงพระราชทานแนวพระราชดําริให้กองทัพบก ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และอุทยานร่วมกันดูแล

วันนี้เพื่อมาดูความคืบหน้าของโครงการ ซึ่งเห็นแล้วว่าประชาชนเอง โดยเฉพาะราษฎรพิทักษ์ป่ามีความเข้าใจกับการดูแลป่า ทําให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ความชุ่มชื่นเพิ่มขึ้น ฝนจะตกตามฤดูกาล

เรื่องประกาศเขตอุทยานฯนั้น ทางเจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้นําท้องถิ่นรับทราบ และอยู่ระหว่างดําเนินการ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติที่แน่นอน แนวเขตที่ชัดเจน ที่สําคัญได้ให้คําแนะนํากับประชาชนว่าการที่จะดํารงชีวิตอยู่ได้ต้องน้อมนําปรัญญาแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้ ไม่ใช่มีพื้นที่ 10 ไร่ จะให้พื้นที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องไปซื้อ จึงมาบุกรุกป่าเพื่อเอาพื้นที่ ตรงนี้ก็ต้องทําความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย สําหรับพื้นที่ป่า ทางเจ้าหน้าที่พยายามจะฟื้นฟู เนื่องด้วยพระองค์ท่านสั่งแต่เรื่องป่า เรื่องนํ้าเป็นสําคัญ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกองทัพ และภาคประชาชน เอกชน สนับสนุนการสร้างฝาย เป็นแนวทางหนึ่งที่รักษาป่าได้อย่างพื้นที่ป่าอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจันยังอุดมสมบูรณ์ และเป็นแห่งต้นนํ้าที่ทําให้ป่าชุ่มชื่นได้

ถูกทหารไล่ที่

ชาวสวนยางในอ.สวนผึ้ง ร้องถูกทหารขับไล่อ้างไม่ได้ให้เช่าพื้นที่

 เวลา 11.00 น.วันที่ 8  กันยายน 2553 นายสมศักดิ์ อาทรสิริรัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนายเอกวัฒน์ ตรึกตรอง ได้นำตัวแทนชาวบ้านที่ปลูกยางพาราในพื้นที่อ.สวนผึ้ง ซึ่งได้จัดตั้งเป็นกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ทั้งหมด 5 ตำบล 27 หมุ่บ้าน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ที่ศาลากลางจังหวัด เนื่องจากมีหนังสือแจ้งจาก จ.ราชบุรี ซึ่งลงนามโดยนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ว่าขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณหมู่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง ได้ทำการย้ายออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ที่ทหารเป็นผู้ดูแลพื้นที่ และมีชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินโดยการปลูกสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยไม่ได้มีการขอเช่าพื้นที่ จึงต้องให้ดำเนินการย้ายออก โดยทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานทหารนำหนังสือไปแจ้งให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้านยังได้อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารของกรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี ที่ดูแลพื้นที่เข้าไปทำการข่มขู่ และยึดอุปกรณ์การทำหากินของชาวบ้านไปด้วย ทำให้ชาวบ้านเกิดอาการหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะออกไปทำมาหากิน ซึ่งการมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้มีการระงับการให้ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ไปก่อนจนกว่าชาวบ้านจะดำเนินการร้องศาลปกครอง เพื่อให้ได้สิทธิ์ในพื้นที่ ก่อนและให้มีการรับเสียภาษีบำรุงท้องที่เพื่อไม่ต้องการให้ใครมาสวมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

ซึ่งในการร้องขอความเป็นธรรมของชาวบ้านในครั้งนี้ ทางจังหวัดได้ให้ทางธนารักษ์ จ.ราชบุรี และเจ้าหน้าที่นิติกรจ.ราชบุรี ได้มาทำการชี้แจงในเรื่องของการให้ย้ายออกนอกพื้นที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ 5 ข้อที่ได้มีการกำหนดไว้ ส่วนการเสียภาษีบำรุงท้องที่นั้นตามกฎหมายนั้นระบุไว้ว่า พื้นที่เป็นที่ดินราชพัสดุต้องไม่ทำการจัดเก็บภาษี เพราะจะต้องไปดำเนินการเช่าพื้นที่กับทางธนารักษ์พื้นที่เท่านั้น ส่วนการดำเนินการในเรื่องของการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ของชาวบ้านที่อ้างว่าถูกขับไล่นั้น ก็จะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในวันจันทร์ที่ 13 ก.ย.53 นี้เพื่อจะได้ความชัดเจน โดยนายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ขอให้ชาวบ้านนั้นยอมรับในข้อกฎหมายและยอมรับในการตัดสินของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ก็ต้องนำเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดมาแสดงเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ด้วย

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์

รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหักรักษาสิ่งแวดล้อม




สำหรับคลองโพหัก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.โพหัก อำเภอบางแพ จ.ราชบุรี เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ อันเป็นสายเลือดของชาวโพหักใช้ในการอุปโภคบริโภค มีประชากรตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยสอง ฝั่งคลอง รวม 7 หมู่บ้าน ในปัจจุบัน การคมนาคมเปลี่ยนเป็นทางบกแทนทางน้ำ ใช้รถยนต์แทนเรือ ประโยชน์จากน้ำการใช้ลำคลองเป็นวิถีชีวิตจึงลดลง ปัญหาต่างๆเริ่มตามมามีการปล่อยน้ำเสียจากนากุ้งและนาข้าวลงสู่ลำคลองสาธาณะ ทำให้สัตว์น้ำในลำคลองลดลง มีการทำลายสภาพภูมิทัศน์ โดยการสร้างถนนผ่าน มีการปลูกบ้านเรือนรุกล้ำที่ดินสาธารณะริมสองฝั่งคลอง มีการออกโฉนดในพื้นที่ลำคลอง และถมดินลงในลำคลองจนพื้นที่ วัฒนธรรมและประเพณีทางน้ำอันดีงามลดน้อยลง และกำลังถูกละเลย ทำให้วัฒนธรรมและประเพณีต่างๆกำลังจะสูญหายไป รวมทั้งวัชพืช ในลำคลอง ถูกปล่อยปละละเลยไม่สามารถใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ได้จนทำให้พื้นที่ลำคลองตื้นเขินโดนรวดเร็ว ดังนั้นทางสภาวัฒนธรรมอำเภอบางแพ จ.ราชบุรี ได้จัดกิจกรรมรณรงค์สร้งความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก โดยมี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดการ รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก พร้อมทั้งได้รับความมือจาก สภาวัฒนธรรมตำบลโพหัก และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี ร่วมกันดำเนินการ เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเร่งสร้างและกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น จากการส่งเสริมการจัดบริการท่องเที่ยวทางน้ำ สำรวจ ฟื้นฝู และปรับปรุงสภาพคลองโพหักให้เหมาะสม เป็นสถานบำรุงและฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำที่มีการใช้ประโยชน์จากคลองโพหักอย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการศึกษาวิจัยและจัดการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากน้ำและความสำคัญของคลองโพหัก ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อการฟื้นฟูวิถีทางน้ำในคลองโพหัก จะได้ทำให้ นักเรียนนักศึกษา เยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจและร่วมกันอนุรักษ์คลองโพหักอย่างถูกต้อง เพื่อให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้ลำคลองใสสะอาดคงอยู่สืบไป

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

จับยาบ้าได้ลิงแสม

ตามจับยาบ้าได้ลิงแสมกว่า 15 ตัวที่เตรียมส่งขายเป็นของแถม




เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 31 ส.ค.53 พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งว่าที่บริเวณบ้านเลขที่ 63/2 หมู่ 3 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง มีวัยรุ่นจับกลุ่มมั่วสุมเสพยาบ้ากัน จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ธนกร อังกุรวิโรจน์ สวป.สภ.บ้านโป่ง ให้นำกำลังไปตรวจสอบ พบกลุ่มวัยรุ่นกำลังนั่งมั่วสุมกันอยู่ จึงได้กระจายกำลังปิดล้อมและเข้าจับกุมแต่กลุ่มวัยรุ่นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พากันวิ่งหนี แต่สุดท้ายก็ถูกจับมาได้ 8 คน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบกรงขังสัตว์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีถุงตาข่ายสีฟ้า จำนวน 15 ถุงอยู่ในกรง เมื่อนำมาตรวจสอบก็พบว่าถุงตาข่ายดังกล่าวนั้นมีลิงแสมทุกถุง และลิงแสมเหล่านี้ก็กำลังหิวโหย เจ้าหน้าที่จึงได้นำวัยรุ่นที่ถูกจับกลุ่มได้ทั้งหมดพร้อมกับลิงแสมมาสอบสวนที่สภ.บ้านโป่ง

จากการสอบสวนนายธนากร แป้นผล อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้จับกลุ่มเสพยาบ้ากันจริง เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทั้งหมดตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดก่อนส่งดำเนินคดีต่อไป ส่วนลิงแสมที่พบนั้นนายธนากรอ้างว่าเป็นของนายอนุชา เสลาหลัก ซึ่งเป็นพี่เขย นำมาฝากไว้ให้เลี้ยงที่หลังบ้านเพื่อที่จะส่งไปขายต่อที่ประเทศเพื่อนบ้านด้านจ.หนองคาย ในราคาตัวละ 1,500 บาทเพื่อนำไปเปิบพิสดาร แต่ส่วนที่มาของลิงนั้นเจ้าหน้าที่สืบทราบมาว่าจะมีการจ้างกลุ่มวัยรุ่นให้ออกตะเวณหาจับลิงในราคาตัวละ 800 บาท ตามพื้นที่ที่มีลิงและเมื่อได้ครบจำนวน 30 ตัวก็จะนำไปขาย ซึ่งทำมานานแล้ว แต่กลุ่มวัยรุ่นที่ถูกจับกุมมาได้ไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ไปจับลิงมาขายให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามจับกุมตัวนายอนุชามาดำเนินคดี ในข้อกล่าวหา มีสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเพื่อการค้า

ต่อนายครรลอง ยุทธชัย นายอำเภอบ้านโป่ง ได้เดินทางมาดูลิงที่เจ้าหน้าที่จับกุมมาได้พร้อมกับประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขา ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ให้มารับตัวลิงแสมทั้งหมดไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติก่อนที่ลิงแสมทั้งหมดจะตายเพราะอดอาหารต่อไป

ตื่นต้นมะขามเทศสีทอง

ชาวบ้านตื่นต้นมะขามเทศสีทองทั้งต้นแห่ขอหวย


ที่บริเวณหมู่ที่ 5 ต.บัวงาม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี พบต้นมะขามเทศประหลาดมีลำต้นเป็นสีแดงใบสีทองทั้งต้นชาวบ้านจากในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงต่างพากันมาดูและไม่พ้นขอหวยกันเพียบตามเคย ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังเขย่า ติ้วของเลขเด็ดเป็นแถว และมีเครื่องดื่ม จำนวนมาก พร้อมทั้งกระถางธูป บูชา กระบอกใส่เลข ห่างออกไปเล็กน้อย พบต้นมะขามเทศจำนวน 3 ต้น โดย 2 ต้น เป็นต้นมะขามเทศใบสีเขียวสดใส สูงประมาณ 1 เมตร และที่ได้รับความสนใจ เป็นต้นมะขามเทศที่มีก้านเป็นสีแดงใบประหลาดเป็นสีทองเหลืองอร่ามทั้งต้นสูงประมาณ 3 ฟุต มีป้ายสีขาวปักอยู่ที่บริเวณต้น เขียนด้วยตัวอักษรสีแดงว่า เจ้าแม่มะขามทองประทานพร ซึ่งมะขามเทศที่เป็นสีทองทั้งต้นสวยงามไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน

จากการสอบถามนางวันดี ประเสริฐ อายุ 55 ปี อยู่หมู่ที่ 5 บ้านดอนข่อย ต.บัวงาม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดเกี่ยวกับต้นมะขามเทศสีทอง ว่าเมื่อประมาณเดือนเศษ ดช.ดนัย ตุ้มม่วง อายุ 12 ปีขับรถจักยานพาน้องสาว ดญ.บัณฑวรรณ์ ตุ้มม่วง หรือน้องแตงโม อายุ 8 ขวบ กลับจากเล่นกีฬาในหมู่บ้านเมื่อกลับมาถึงบ้านน้องแตงโม ก็เข้าไปบอกนางพรทิพย์ ตุ่มม่วง ว่ามีคนแต่งชุดไทยมาขอน้ำกินสอบถาม ดช.ดนัย ก็บอกไม่ทราบ ด้วยความสงสัยนางพรทิพย์ จึงได้ซื้อจากร้านค้าที่ในหมู่บ้านจากนั้น ได้ให้น้องแตงโมพาไปที่บริเวณดังกล่าวก็พบกับต้นมะขามเทศประหลาดที่เป็นสีทองทั้งต้น จึงนำน้ำไปวางใว้และก็กลับบ้านด้วยความหวาดกลัวและในคืนนั้นก็มีหญิงสาวแต่งชุดไทยก็มาเข้าฝันว่าไม่ทำร้อยใครผ่านมาอาศัยชั่วคราวเท่านั้น

หลังจากข่าวเรื่องราวเล่าขานกันออกไปทำให้ประชาชนก็ทะยอยกัมมาดูความประหลาดของต้นมะขามเทศสีทอง กันตลอดเวลา ส่วนบรรดาคอหวยทั้งหลายก็มาขอเลขเด็ด จนถูกรางวัลกันเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดนำละครมาแสดง ภาพยนต์มาฉายแก้บนและนำก๋วยเตี๋ยวมาเลี้ยงฟรีตลอดงาน