คณะกรรมาธิการปปช.ตรวจสอบที่ราชพัสดุ อ.สวนผึ้ง
ลั่นเอาผิดนายทุนรุกป่าทุกราย นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร(ปปช.)และคณะได้เดินทางมาที่ที่ว่าการอำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพื่อมาตรวจสอบข้อมูลในเรื่องที่มีผู้ร้องเรียนเรื่องที่มีนายทุนเข้าไปบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุ ที่ทหารช่างเป็นผู้ดุแลพื้นที่ โดยให้หน่วยงานต่างๆทั้งจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี หน่วยพลพัฒนาที่ 1 ค่ายศรีสุริยวงศ์ กรมธนารักษ์ ผู้นำท้องถิ่นรวมทั้งกลุ่มอนุรักษ์ต่างๆในพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง มาร่วมให้ข้อมูลในพื้นที่ ซึ่งก่อนที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร(ปปช.)และคณะ จะเข้าไปร่วมประชุมเพื่อรับทราบข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆนั้น ได้มีชาวบ้านกว่า 100 คน ซึ่งนำโดยนายสมศักดิ์ อาทรสิริรัตน์ อดีตนายกอบต.สวนผึ้ง ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ในพื้นที่อ.สวนผึ้ง และอ.บ้านคา จ.ราชบุรี โดยอ้างว่าพื้นที่นั้นสงบเรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาจึงไม่จำเป็นต้องคงกฎอัยการศึกไว้ ซึ่งนายวิลาศก็รับไว้และจะส่งต่อให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้พิจารณา ก็เข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆซึ่งใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จากนั้นก็ลงไปดูพื้นที่จริงที่มีนายทุนเข้าไปบุกรุกที่บริเวณหุบพุบอน หมู่ 5 บ้านถ้ำหิน ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง ซึ่งก็พบว่าพื้นที่นั้นอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขาถูกนายทุนจับจองโดยการล้อมรั้วลวดหนามรอบๆพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ และบุกรุกแผ้วถางจนทำให้ป่าหายหมด ทั้งที่ยังไม่ได้มีการขอเช่าจากกรมธนารักษ์
โดยนายวิลาศ ได้กล่าวถึงพื้นที่ดังกล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบแล้วพบว่า พื้นที่แห่งนี้อยู่ในลุ่มน้ำชั้น 1 A และเดิมเคยเป็นป่าทึบ แต่ตอนนี้ถูกแผ้วถางจนป่าหาย ซึ่งดูได้จากซากต้นไม้ใหญ่ที่ถูกโค่นล้มทิ้งไว้ และจะต้องเดินหน้าเอาผิดกับนายทุนที่เข้ามาจับจองพื้นที่และทำการถางป่าโดยไม่มีการละเว้น ทั้งนักการเมืองหรือแม้แต่ระดับพ่อรัฐมนตรีก็จะต้องเอาผิดให้ได้เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างในพื้นที่อื่นๆ นอกจากนี้ก็จะต้องขยายวงกว้างออกไปในพื้นที่ที่อยุ่ใกล้เคียงเพื่อนำสมบัติของชาติกลับคืนมา และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาโดยเร็ว