บทความที่ได้รับความนิยม
-
เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดตากแดดชมรมแอโรบิคประสพความสำเร็จไปแข่งขันระดับประเทศขาดชุดหมดทุนขอรับบริจาค วันที่ 6 มกราคม 2560 ท...
-
พร้อมเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (เปลือกมะพร้าว) นายจตุพร โสภารักษ์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (โรงไฟฟ...
-
ผู้ว่าราชบุรีจับมือผู้ว่าสมุทรสงครามเปิดงานตลาดถนนเพลินเพลง หรือตลาดน้ำ 3 อำเภอ เป็นการฟื้นฟูตลาดน้ำเก่าเพื่อช่วยเหลือเพิ่มช่องทางให้ผู้ประก...
-
อดีต รมช.คมนาคมพาชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมถูกตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน อุ้มหายตัวไป ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็ บ ...
-
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมตำรวจ นำหนุ่มที่ถูกผู้ใหญ่บ้านอุ้มไปจำลองเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวน วันที่ 1...
วันพุธที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ราชบุรี กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
เปิดโครงการ All for Education Ratchaburi Zero Dropoutรวมพลังชาวราชบุรี ไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง เพื่อให้ ‘เด็กทุกคนต้องได้เรียน’วันที่ 24 – 25 พฤษภาคม 2567
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และจังหวัดราชบุรี ชวนทุกคนมาเปิดพรมแดนการเรียนรู้อย่างไร้ขอบเขต กับ All for Education Ratchaburi Zero Dropout กิจกรรมสร้างสรรค์ที่อยากให้คนทุกเพศ ทุกวัย จากทุกวงการที่มีหัวใจเพื่อเด็กราชบุรีมาพบเจอกัน และสนุกสนานไปกับหลากหลาย ‘สภาพอากาศ’ ที่เหมาะกับทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ทุกคน ผ่านการเล่น การคุย นั่งล้อมวงเล่าเรื่องการศึกษาที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์ทุกเงื่อนไขชีวิต พร้อมร่วมกันตั้งคำถาม และหาคำตอบว่าด้วยการเติบโตของเด็กและเยาวชนจังหวัดราชบุรี เพื่อจุดหมายปลายทางเดียวกัน นั่นคือ ‘เด็กทุกคนต้องได้เรียน’งาน All for Education Ratchaburi Zero Dropout
จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 24 และวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2567 บริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา เทศบาลเมืองราชบุรี ถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรีตลอด 2 วันในงาน All for Education Ratchaburi Zero Dropout ทุกคนจะได้พบกับ 6 โซนกิจกรรมสุดสนุกจาก Mappa ที่จะมาชวนเรียนรู้แบบไม่รู้จบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการศึกษาที่ทุกคนมีทางเลือก และไม่มีเด็กคนไหนต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โซน Voice: เปิดคำขวัญจังหวัดจากเสียงของเด็ก เพื่อเด็กราชบุรี โซน Playground: พื้นที่สนามเด็กเล่นเรียนรู้ ที่สนุกไม่ใช่เล่นๆ โซน Talk: วงเสวนาชวนพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการศึกษาและการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นตอบโจทย์ทุกเงื่อนไขชีวิต โซน Show: การแสดงสำหรับเด็กๆ ทั้งการแสดงละครแบบบ Street Show และคอนเสิร์ต โซน Market: ชิม ช้อป ตลาดวาดฝัน กิจการเล็กๆ ของผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ โซน Zero Dropout Exhibition: นิทรรศการที่จะมาชวนตั้งคำถามและหาคำตอบกับเรื่องความเสมอภาคทางการศึกษา
จังหวัดราชบุรีได้รับเลือกให้เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับโครงการ ‘Zero Dropout – เด็กทุกคนต้องได้เรียน’ ในการสร้างพื้นที่ทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่จัดการศึกษาทุกประเภท และทุกภาคส่วนในจังหวัดราชบุรี เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างยั่งยืน มุ่งสนับสนุนให้เกิดรูปแบบการเรียนรู้ทางเลือกที่ยืดหยุ่น สามารถตอบสนองความต้องการและปัญหาที่แตกต่างกันของผู้เรียนรายบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มเด็กยากจน ด้อยโอกาส และกลุ่มที่มีปัญหาเฉพาะ เช่น เด็กเร่ร่อน เด็กตั้งครรภ์ในวัยเรียน เด็กพิการ เด็กที่มีความต้องการพิเศษด้านการเรียนรู้ เด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม เด็กชาติพันธุ์ ให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2567
ราชบุรี เจ้าบ่าวขี่ควายพิสูจน์รัก
เอาแล้วงานนี้ไปลุ้นเจ้าบ่าวจะส่อเค้าอนาคตต้องไปเลี้ยงควาย หรือ จะตกถังข้าวสาร เพราะเจ้าสาวยืนกราน ถ้าแต่งกับฉันต้องขี่ควายเป็น เพราะที่บ้านเลี้ยงควาย
พาไปชมความน่ารักของคู่บ่าว สาว ย้อนอดีตการพิสูจน์รักแท้กันก่อน ถึงจะสมหวังในความรักของหนุ่มสาวคู่นี้ อยู่ที่ ต.ป่าไก่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี แถวนั้นจะเรียกกันว่า “ รีสอร์ทบ้านควายชมพู ” มีการจัดงานมงคลสมรส ระหว่าง นางสาวศุภิสรา พงค์สกุล และนายธนากรณ์ วงศ์หลวง พ่อ แม่ ฝ่ายเจ้าสาวได้เชิญแขกมาร่วมงานแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวจำนวนมาก โดยบ้านฝ่ายเจ้าสาวเปิดเป็น รีสอร์ท “ บ้านควายชมพู ” เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงตั้งอยู่ชายทุ่ง กับทุ่งนาที่เขียวขจีดูเป็นธรรมชาติในชนบทมีน้ำจากคลองชลประทานไหลผ่านหน้าบ้านสะดวกสบาย อุดมสมบูรณ์
ที่สำคัญยังที่บ้านเจ้าสาวมีการเลี้ยงควายไว้หลายตัว ทั้งควายสีเทา และสีควายชมพูที่หาดูได้ยากมาก ควายชมพูตัวนี้ชื่อว่า เจ้าอั่งเปา เป็นควายเพศผู้ ที่นายจรัญ พงค์สกุล รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบิดาของฝ่ายเจ้าสาวได้เลี้ยงไว้ ลักษณะลำตัวตั้งแต่หัวถึงขาจะมีสีขาวอมชมพูสวยงามมาก หลังเลิกงานลูกสาวก็จะมาเล่นกับเจ้าอั่งเปาด้วยความรักและผูกพันและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ทำให้วันสำคัญในชีวิตครั้งนี้ ทางครอบครัวจึงนำเจ้าอั่งเปามาร่วมงาน ให้เจ้าบ่าวขี่หลังเพื่อเป็นการพิสูจน์รักแท้ ว่าเจ้าบ่าวสามารถขี่ควายได้ไหม งานนี้มีเสียงแว่วมาจากทางแขกมาร่วมงานว่า เจ้าบ่าวจะส่อเค้าอนาคตต้องไปเลี้ยงควาย หรือจะตกถังข้าวสาร เพราะเจ้าสาวยืนกราน ถ้าแต่งกับฉันต้องขี่ควายเป็นเพราะที่บ้านเลี้ยงควาย
ส่วนฝ่ายเจ้าบ่าวมาในชุดสูทสากลสุดหล่อ ค่อนข้างประหม่าเดินไป เดินมาอยู่รอบตัวเจ้าอั่งเปาควายชมพู คิดว่าวันนี้จะขี่เจ้าอั่งเปาไปหาเจ้าสาวได้มั๊ยน๊อ แขกก็มากันเยอะด้วย แต่แล้วก็รวบรวมความกล้าพยายามขึ้นขี่หลังเจ้าอั่งเปาเป็นผลสำเร็จ ก่อนพาเดินเข้าซุ้มประตูวิวาห์ ไปหาฝ่ายเจ้าสาวที่ยืนรอมอบช่อดอกไม้ โดยมีเพื่อน ๆ ต่างรอลุ้นให้กำลังใจ แม้ว่าควายชมพูจะดูตื่น ๆ คนอยู่บ้าง แต่มีคุณพ่อเจ้าสาวซึ่งจะคุ้นเคยกับควายตัวนี้มาก คอยสะกิดลูบจมูกควายไว้เพื่อไม่ให้ตื่นคน จนเหตุการณืผ่านไปด้วยดี
นางสาวศุภิสรา พงค์สกุล เจ้าสาว กล่าวว่า ที่บ้านคุณพ่อจะเลี้ยงควายไว้หลายตัว มีทั้งควายเผือก ควายชมพู ควายสีดำ ม้า แพะ ห่าน เราเปิดเป็นรีสอร์ทชื่อ ” บ้านควายชมพู ” จึงจะขอพิสูจน์รักฝ่ายเจ้าบ่าวว่าสามารถขี่ควายได้มั๊ย เลี้ยงควายได้เปล่า ถ้าขี่ได้ก็จะต้องจูงควายไปเลี้ยงได้ ถือว่าสามารถผ่านด่านพิสูจน์รักได้ ด้านเจ้าบ่าว กล่าวว่า ตอนแรกก็ไม่เคย แต่มาบ้านนี้ก็ต้องทำให้ได้ ช่วงแรกรู้สึกตื่นเต้นมาก พอนานไปก็รู้สึกเริ่มชินแล้ว สามารถขึ้นขี่หลังได้
สำหรับบรรยากาศงานแต่งในวันนี้จึงเต็มไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน ที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร เพื่อน ๆ หลายคนมากันเป็นคู่ ทั้งหนุ่มสาว สามี ภรรยา ต่างมาขอถ่ายรูป แสดงความยินดีกับวันสำคัญของเพื่อนที่ต้องจดจำไว้ไม่รู้ลืม จากการสอบถาม นายจรัญ พงค์สกุล รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนฯ พ่อเจ้าสาว ทราบว่า เจ้าอั่งเปาควายชมพูตัวนี้ ซื้อมานานแล้วในราคากว่า 1 แสนบาท แต่ตอนนี้มีคนมาให้ราคามากกว่า 3 ล้านบาทแล้ว แต่ยังไม่ขาย เพราะผูกพันธุ์มาก สุดท้ายก็คงต้องตกเป็นสมบัติของลูก เพราะมีลูกสาวคนเดียว จึงเป็นที่มาของคำว่า เจ้าบ่าวจะส่อเค้าอนาคตต้องไปเลี้ยงควาย หรือจะตกถังข้าวสารกันแน่ เพราะ ควายชมพู ราคาถึง 3 ล้าน และยังมีอีกหลายตัวด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)