บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2567

ราชบุรี โครงการเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือน

สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ราชบุรี จัดโครงการเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือนเพื่อสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือน และส่งเสริมการออมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ที่สำนักงานสหกรณ์การเกษตรเมืองราชบุรี นางสาวเนตรทิพย์ เฮงคราวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีและการสอบบัญชี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือนขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ โดยมี พระครูสังฆรักษ์สายชล ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดเกาะลอย นายสุพัฒน์ อ่อนคง เกษตรจังหวัดราชบุรี นายธวิทย์ กุศลอภิบาล ประธานสหกรณ์การเกษตรเมืองราชบุรี เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเกาะลอยพร้อมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน โดยนางสาวพัตสลา จันทร์มา ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ ราชบุรี กล่าวรายงานการดำเนินงานโครงการเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือนขับเคลื่อนชุมชน เนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา
นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่งเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความ จงรักภักดี น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมอันเป็นการสร้างความสามัคคีให้แก่ประชาชนในชุมชนโดยนำแนวคิด "บวร" รวมทั้งองค์กรทุกเครือข่ายในพื้นที่มาเป็นพลังในการขับเคลื่อนชุมชนสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ราชบุรี กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรเมืองราชบุรี จำกัด จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือน และส่งเสริมการออมตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการพัฒนาและสร้างชุมชนเข้มแข็ง ตามหลักแนวคิด "บวร"บ้านหรือชุมชน วัด และราชการ เมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 99 รายประกอบด้วย เกษตรกร จำนวน 54 รายและ นักเรียน จำนวน 45 ราย กิจกรรมประกอบด้วย ส่งเสริมการออมเพื่อสร้างวินัยทางการเงิน กิจกรรมฝึกอาชีพเสริมรายได้ควบคู่กับการให้ความรู้และความเข้าใจในการจัดทำบัญชีรับ - จ่ายในครัวเรือน รวมทั้งจัดกิจกรรมเสริมสัมพันธ์ อาทิ กิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์กิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรม กิจกรรมอาสาเพื่อให้ "วัด" เป็นศูนย์กลางการพัฒนาการดำเนินชีวิตและศูนย์รวมจิตใจของชุมชน ตั้งแต่ วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2567 และในวันที 5 ธันวาคม 2567 จะมีกิจกรรมเปิดกระปุก ปิดโครงการโดยกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมมีเงินออมไม่ น้อยกว่า 39,528.00 บาท
สำหรับโครงการเสริมสร้างวินัยทางการเงินภาคครัวเรือนขับเคลื่อนชุมชนเข้มแข็ง จะทำให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ พอมีพอกินพอใช้ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันใช้ชีวิตตามวิถีวัฒนธรรรมไทยอันดีงามจากการมีส่วนร่วมและความเสียสละของคนในชุมชนที่ร่วมใจกันขับเคลื่อนชุมชนให้เป็นชุมชน เข้มแข็ง"ก้าวสู่ "สังคมคุณธรรม" ที่มีความปรองดองสมานฉันท์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยยึดและปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของแต่ละศาสนา และ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ เป็นการดำรงชีวิตตามแบบวิถีวัฒนธรรมไทยพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยมุ่งเน้นกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่ความอยู่ดีกินดีในชุมชน ที่ร่มเย็นเป็นสุขได้ อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2567

ราชบุรี ผู้เสียหายถูกตำรวจทำร้ายติดตามคดีหวั่นมวยล้มเป็นเด็กนาย

สาวใต้พร้อมทั้งที่ปรึกษา กก.ตร.ที่ยื่นหนังสือพร้อมคลิปภาพเพิ่มติดตามคดีถูกตำรวจจับทำเกินกว่าเหตุจนได้รับบาดเจ็บ กว่า 2 เดือนคดีไม่คืบ เข้ายื่นเรื่อง ให้เร่งดำเนินการหวั่นมวยล้มอ้าง ผบช.เป็นผู้สั่งให้ทำ
จากกรณีที่นางสาวจุฑารัตน์ เพชรรักษ์ เจ้าของผู้ประกอบการขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ และนายชาติ แก้วตาทิพย์ นักแสดงอิสระ และเป็นที่ปรึกษากก.ตร.จ.สมุทรปราการ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมขณะกำลังนำรถบรรทุกสิบล้อมาคืนก่อนเวลาให้กับบริษัทรถเช่าที่ให้เช่า ซึ่งขณะถูกจับกุมถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนอกเครื่องแบบใช้กำลังในการจับกุมเกินกว่าเหตุจนทำให้ ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บ พูดจารุนแรงด่าทอกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายกลางปั้มน้ำมัน โดยได้นำคลิปหลักฐานขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมมาแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวจุฑารัตน์ เพชรรักษ์ และ นายชาติ แก้วตาทิพย์ พร้อมทั้งผู้เสียหาย 3 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีพร้อมทั้งยื่นหลักฐานเพิ่มเกี่ยวกับคลิปภาพ ขณะเข้าจับกุมนายชาติ แก้วตาทิพย์ ทำร้ายร่างกายด่าทอในที่สาธารณะกลางปั้มน้ำมัน กล่าวหาด่าทอว่าเป็นคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนได้ อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของ ผบช. ตามคลิป ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยประสาน พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการภาค 7 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นุชิต จาละ ผกก.ฝอ.บก.อก.ภ.7 เป็นตัวแทนรับมอบเอกสารและหลักฐานเพื่อให้ทำการตรวจสอบ หลังจากนั้นได้เดินทางไปพบ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครปฐม เพื่อยื่นให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเอกสารและหลักฐานที่มี หลังจากนั้นได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สลักษณ์ ( สอ-ลัก) จรัสร่มเย็น รอง ผบก.ภ.จ.ราชบุรี อยากทราบผลของการสอบสวนเพราะคู่กรณีนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งของตำรวจสภ.เมืองนครปฐม สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และชุดสืบสวนของตำรวจภูธร จ.ราชบุรี จึงเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมทั้งนำผู้เสียหายอีก 3 ราย ที่ถูกกระทำในวันเดียวกันมาสอบถามความคืบหน้าของคดีด้วย โดยได้มอบหลักฐานเพิ่มเติมเป็นคลิปภาพและเสียงในวันที่นายชาติ ถูกจับกุมโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ท้าทายให้นายชาตินั้น ให้โทรหาผู้บัญชาการด้วยเพราะผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งมา ซึ่งในเรื่องนี้นายชาตินั้นเกรงว่านายตำรวจคนนั้นอาจจะแอบอ้างถึงผู้บัญชาการถ้าเป็นจริงตามที่อ้าง ทำให้รู้สึกหวาดกลัว เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย พร้อมทั้งเข้าพบ รตอ.สุทธิพันธ์ สายคุ้มพิมพ์ พนักงานสอบสวนเพื่อทราบความคืบหน้าของคดีดังกล่าวอีกด้วย
โดยนายชาตินั้นก็บอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุก็มีการเรียกตนกับนางสาวจุฑารัตน์และผู้เสียหาย อีก 3 คน ไปสอบแล้ว แต่ไม่ทราบว่าตอนนี้ผลเป็นอย่างไร ยังไม่มีการติดต่อมาจากตำรวจว่าผลของคดีนั้นไปถึงไหน จึงอยากจะมาสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการภาค 7 และ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผู้บังคับหารตำรวจภูธร จ.นครปฐม แล้ว รวมทั้งขอให้ทางผู้บัญชาการภาค 7 ได้ทำการตรวจสอบคลิปภาพและเสียงที่มีการแอบอ้างนั้นว่า มีคำสั่งมาจริงหรือไม่ ส่วนในจ.ราชบุรี ได้มีการเข้าพบพนักงานสอบสวน นั้นก็จะมาตามความคืบหน้าในเรื่องของการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ร่วมจับกุมว่าตอนนี้การสอบสวนไปไหนและขอให้มีการส่งผลการสอบสวนให้ทราบด้วย และหลังจากนี้ก็จะมาติดตามทุกเดือน เพราะเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งตนเองนั้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำรถบรรทุกสิบล้อที่นางสาวจุฑารัตน์ เช่ามาแล้วทางเจ้าของรถมาขอยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด และยินยอมที่จะจ่ายค่าชดเชยให้กับนางสาวจุฑารัตน์ ด้วย เพียงแต่แค่มาเป็นพยานในการคืนรถ เพราะตนเองนั้นมีบ้านอยู่ที่อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และบังเอิญในช่วงนั้นตนอยู่ที่บ้าน ซึ่งนางสาวจุฑารัตน์ ได้โทรชวนให้มาเป็นพยาน แต่พอมาถึงก็มาถูกจับกุมโดยยังไม่ทราบว่าถูกจับข้อหาอะไร และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่สภ.ปากท่อ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทั้งหมด ซึ่งเมื่อเหตุเกิดมาแล้วกว่า 2 เดือนแต่ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี หลังจากนี้หากไม่คืบหน้าไปก็จะร้องไปตามหน่วยงานที่สูงขึ้นไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากถูกทำร้ายจับกุมทั้งที่ไม่มีความผิดเลยจนได้รับบาดเจ็บ