ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรีใช้โครงการ D.A.R.E
นำเด็กนักเรียนเข้าเยี่ยมภายในสถานีตำรวจเพื่อดูตัวอย่างการทำงานและการกระทำผิดกฎหมายของประชาชนและสิ่งเสพติด
ที่บริเวณสถานีตำรวจภูธรเมือง อ.เมือง
จ.ราชบุรี พ.ต.อ. อภิชาต พุทธบุญ ผู้กำกับ
สภ.เมืองราชบุรี ร.ต.ท.รัฐภูมิ โพธิ์ศรีดา
รองสารวัตรสืบสวนและในฐานะครูตำรวจ D.A.R.E ของสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี
พร้อมด้วยอาจารย์ ดวงกมล นักจะเข้ อาจารย์โรงเรียนเทศบาลหลักเมือง
ได้นำเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 รวม 28 คน จากโครงการครู D.A.R.E
มาศึกษาเรียนรู้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งมีเด็กๆทั้งชายหญิงได้ให้ความสนใจสอบถามความเป็นมาของแต่ละหน่วยงานด้วยความสนใจ
ร.ต.ท.รัฐภูมิ โพธิ์ศรีดา
รองสารวัตรสืบสวนและในฐานะครูตำรวจ D.A.R.E หรือ DRUG ABUSE RESISTANCE EDUCATION หรือ
โครงการการศึกษาเพื่อการต่อต้านการใช้ยาสเสพติดในเด็กนักเรียน เปิดเผยว่า
โครงการก่อตั้งประมาณปี พ.ศ. 2542
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยนั้น ได้นำโครงการการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ตั้งแต่นักเรียนจนถึงเยาวชนเข้ามาสู่ประเทศไทย เป็นโครงการของประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยนำครูตำรวจแดร์เข้าฝึกอบรม และนำมาถ่ายทอดจนถึงขณะนี้เข้ามาปีที่ 16 แล้ว
ใช้ครูตำรวจอบรมหลักสูตรนี้ทั้งหมด 13 บทเรียน
นำมาสอนในนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5-6 ทั่วประเทศไทย ขณะนี้มีครูตำรวจแดร์ทั้งหมด
10,000 คน
ในหนึ่งภาคเรียนจะเข้าสอนเด็กนักเรียนชั้นดังกล่าวคนละ 2 ห้องเรียน
เฉลี่ยนักเรียนห้องละ 30-40 คน ทั่วประเทศเทอมหนึ่งประมาณ 20,000 ห้อง
ปีหนึ่งประมาณ 40,000 ห้อง เมื่อรวมกับนักเรียนแล้วประมาณปีละ 3-4 แสนคน
ขณะนี้ยอดสะสมของนักเรียนประมาณกว่า 1.9 ล้านคน
โครงการดังกล่าวของตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรีมีครูตำรวจแดร์
อำเภอเมืองทั้งหมด 10 นาย
อบรมนักเรียนรวมกว่า 1,950 คน ได้ทั้งหมด
16 โรงเรียน
สิ่งที่นักเรียนได้รับจากโครงการการศึกษาเพื่อการต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน ซึ่งเด็กๆจะได้เรียนรู้ทั้งหมด 13 บทเรียน
เริ่มตั้งแต่ บุหรี่ กัญชา เหล้า สารละเหย ยาบ้า
รวมทั้งสิ่งเสพติดต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศ
เด็กได้เรียนรู้การปฏิเสธอันดับแรกคือ โทษและพิษภัย
เมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้วจะเกิดโทษอย่างไร และให้รู้จักการปฏิเสธด้วย
สมมุติมีคนมาชักชวนให้เด็กสูบบุหรี่ ทางครูจะสอนนักเรียนว่า “ไม่หรอก” จะฝึกให้ใช้คำปฏิเสธว่า”ไม่” เพราะบุหรี่เป็นสิ่งไม่ดีมีสารพิษมากมายมากกว่า
7,000 ชนิด หรือ ชวนดื่มสุรา ดื่มเบียร์
ของเด็กนักเรียนที่ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
หากได้เรียนก็จะช่วยเสริมทักษะภูมิคุ้มกันตรงนี้แล้วก็จะรู้จักปฏิเสธเป็น
พ.ต.อ. อภิชาต พุทธบุญ ผู้กำกับ สภ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ส่วนเมืองราชบุรีนั้น
ทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และกองพลพัฒนาที่ 1
มีนโยบายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ในชุดพิเศษใช้ชุดเหยี่ยวดำออกปฏิบัติช่วง 22.00-
05.00น.ทุกวัน เป็นส่วนกำลังที่แยกออกมาจากการปฏิบัติหน้าที่ในชุดไล่ล่าเด็กแว้น
เด็กซิ่ง
ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับประชาชน
มีมาตรการเมื่อมีการจับกุมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ได้ ก็จะมีหลักการคือ ให้แก้ไข
หากยอมถอดท่อไอเสียที่ดัดแปลงให้เกิดเสียงดังและยอมมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ก็จะดำเนินการปรับตามโทษที่น้อยลง ประมาณ 300-500 บาท แต่ถ้าไม่ยอมสำนึกผิด โดยไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง
ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการใช้มาตรการปรับทุกข้อหา มีอัตราโทษสูงสุด
อย่างไรก็ตามทางครูตำรวจแดร์ได้พาเด็กๆเดินชมรถแต่งซิ่ง
พร้อมอธิบายชิ้นส่วนอุปกรณ์ดัดแปลงรถจักรยานยนต์ให้แก่เด็กๆที่พยายามสอบถามว่ามีชิ้นไหนบ้างที่ผิดกฎหมาย เช่น ท่อไอเสียที่ไปซื้อมาปรับแต่งให้เสียงดังจะมีราคาท่อละ
1,000 บาท
น็อตหัวสีทองเอาไว้แต่งซิ่งตัวละ 300 บาท
นอกจานี้ยังมีอุปกรณ์ต่างๆอีกหลายชนิด เช่น ล้อแม็ก คิ้วล้อรถ รถคันหนึ่งมีอุปกรณ์ตกแต่งหลายหมื่นบาทต่อคัน
และมีการยกตัวอย่างการทำงานของพ่อ แม่ ที่ทำงานได้ค่าแรงวันละ 300 บาท
แต่ต้องนำเงินมาประกันตัวลูกที่มาถูกจับดำเนินคดีเกี่ยวกับเปลี่ยนแปลงสภาพรถในจุดต่างๆ
ซึ่งมีโทษต่ำสุด 300 บาท ถึงสูงสุด 2,000 บาท
ขณะที่พ่อแม่ทำงานได้ค่าแรงวันละ 300 บาท ยังติดลบต้องหาเงินไปประกันลูกอีก 1,700 บาท
เป็นตัวอย่างให้เด็กมองเห็นภาพที่ชัดเจนในการกระทำผิดกฎหมาย
จึงถือเป็นโครงการที่ทำให้นักเรียนได้รู้โทษและพิษภัยของยาเสพติดทุกชนิด
ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย ได้เรียนรู้วิธีปฏิเสธเมื่อถูกชักชวนให้ทดลอง
และยังได้รู้จักการคบเพื่อนที่ดีนำไปสู่การเป็นเยาวชนของชาติที่มีภูมิคุ้มกันที่ดีในอนาคต