บทความที่ได้รับความนิยม
-
กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมจิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน...
-
หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ หลังนักท่องเที่ยวร้องค่าเรือในตลาดน้ำแพงแท้จริงขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยวอีกด้วย จากกรณีที่มีเพจ...
-
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สส.ราชบุรี ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมมอบเงินทุนการศึกษา และเครื่องอุปโ...
-
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงครามจัดงานของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวที่ม...
-
สส.เส็ง เปิดอาคารตลาดนัดเกษตรกรตำบลบ้านสิงห์เพื่อทดแทนอาคารหลังเดิมที่ถูกเหตุเพลิงไหม้ แม่ค้าสุดดีใจ มั่นใจในตลาดพร้อมเร่งพัฒนาให้เป็นยุคให...
วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ราชบุรี หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ
หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ หลังนักท่องเที่ยวร้องค่าเรือในตลาดน้ำแพงแท้จริงขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยวอีกด้วย
จากกรณีที่มีเพจเฟสบุ๊คชื่อ พวกเราคือผู้บริโภค ได้โพสต์ข้อความ วันนี้ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกที่หนึ่งมาค่ะ รวมค่านั่งเรือ 3 คน 9500 บาท คนขับเรือบอกราคาปกติเหมือนกันทั้งคนไทยและต่างชาติระยะเวลาประมาณ 10 โมง-ไม่เกินบ่ายโมง ต่างชาติ 2 คน ไทย 1 ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ข้อความออกไปทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นรวมถึงแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปจำนวนมากซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบแล้วก็พบว่า ท่าเรือที่นักท่องเที่ยวพูดถึงคือท่าเรือนัมเบอร์วัน ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่ 5. ต.ตาหลวง. อ.ดำเนินสะดวก. จ.ราชบุรี
นางกาญจน์กุระ ฮัยสคาเนน ท่องเที่ยวและกีฬา จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนางสาวรุ่งฤทัย เกิดแจ้ง นักวิชาการพานิชย์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้แทนพานิชย์จ.ราชบุรี นายนพดล เพิ่มพูนทวีชัย ปลัดอำเภอดำเนินสะดวก พ.ต.อ.กรฤวิศวร์ ทองศรีวานิช ผกก.1 บก.ททท.3. เจ้าหน้าที่กอ.รมน.จ.ราชบุรี และกรมเจ้าท่า ได้เข้าตรวจสอบท่าเรือต้นเหตุโดยพบกับนางสาวกิ่งกมล เกตุไสว พนักงานขายตั๋วในท่าเรือนัมเบอร์วัน ก็ให้ข้อมูลว่า จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวโพสต์เรื่องราวว่าค่าเรือแพง และเมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นท่าเรือของตนเอง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยรถตู้เข้ามาและขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวมา 3 คน เป็นชายชาวญี่ปุ่น 2 คน และคนไทยที่เป็นผู้หญิง 1 คน พร้อมกับต้องการซื้อแพคเก็ตในราคาเหมาจ่ายหัวละ 3000 บาท ซึ่งจะมีโปรมแกรมเพิ่มจากที่ทางท่าเรือตั้งไว้คือค่าเรือชั่วโมงแรก 2000 บาท ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 1000 บาท ซึ่งใน 1 ชั่วโมงนั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยว 3 แห่ง คือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เตาตาล และวัดปรก แต่นักท่องเที่ยวจะขอไปเที่ยวเพิ่มอีก 2 แห่งคือไปขี่ช้างที่ปางช้างซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหัวละ 700 บาท และไปดูบ้านกระเหรี่ยงคิดราคาหัวละ 500 บาท ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมค่าเรือและค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวเพิ่มอีก 2 สถานที่ ทางท่าเรือจึงคิดเหมาหัวละ 3000 บาท ส่วนอีก 450 บาท นั้น เนื่องจากลูกค้ามีเงินสดไม่พอจึงขอรูดบัตร ซึ่งทางท่าเรือไม่มีจึงได้ไปรูดบัตรในตัวตลาดดำเนินซึ่งจะมีค่าบริการอีก 450 บาท จึงทำให้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 9,450 บาท ซึ่งในวันนั้นนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีการต่อรองอะไร แต่กลับมาโพสต์ลงในโซเซียลซึ่งก็ไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการอะไร ยอมรับว่าหลังมีกระแสเรื่องนี้ออกไปทางท่าเรือก็มีผลกระทบบ้าง แต่อยากจะให้มีการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ด้านนางกาญจน์กุระ ฮัยสคาเนน ท่องเที่ยวและกีฬา จ.ราชบุรี ก็บอกว่า หลังมีข่าวออกมาก็ได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนำค่าใช้จ่ายของทางท่าเรือมาตรวจสอบกับทางประกาศของจังหวัดเรื่องค่าเช่าเรือท่องเที่ยว ก็พบว่าค่าเรือเช่าเหมาลำนั้นเป็นไปตามประกาศของจังหวัด คือชั่วโมงแรก 2000 บาท ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 1000 บาท แต่นักท่องเที่ยวนั่งไป 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมเป็นเงิน 4500 บาท แต่นักท่องเที่ยวขอไปเที่ยวสถานที่เพิ่ม ซึ่งเป็นการตกลงกับทางท่าเรือ จึงทำให้มีการคิดค่าบริการเพิ่มรวมเป็นเงิน 9000 บาท ซึ่งอาจจะดูว่าราคาสูงและยังมีค่ารูดบัตรอีก ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่อย่างไร ทางพานิชย์จังหวัดซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ก็จะได้เชิญทางผู้ประกอบการของท่าเรือไปชี้แจงด้วย ซึ่งเรื่องของราคาที่เพิ่มจากประกาศของทางจังหวัดที่ได้กำหนดไว้นั้นเป็นเรื่องของผู้ประกอบการกับนักท่องเที่ยวตกลงกัน หากนักท่องเที่ยวพอใจก็จะตกลงไปใช้บริการ และอยากจะฝากว่าตลาดน้ำดำเนิสะดวกยังรอรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งไม่มีวันหยุดและยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นตลาดน้ำอยู่ ก็อยากจะให้มาท่องเที่ยวกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ
ส่วนนางสาวรุ่งฤทัย เกิดแจ้ง นักวิชาการพานิชย์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้แทนพานิชย์จ.ราชบุรี ก็บอกว่า ทางพานิชย์จังหวัดราชบุรีก็ได้มีประกาศอัตราค่าบริการค่าเรือให้กับทุกท่าเรือได้ปฎิบัติเหมือนกันทุกท่า ในส่วนของการฝ่าฝืนในมาตรา 29 ว่าด้วยพระราชบัญญัติราคาสินค้าและบริการ ห้ามผู้ประกอบการใดจงใจหรือฝ่าฝืนทำให้ราคาสินค้าสูงหรือต่ำเกินสมควร ซึ่งก็จะมีอัตราโทษอยู่ และที่ผ่านมาทางสำนักงานพานิชย์ได้เสนอข้อร้องเรียนของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคณะกรรมการของจังหวัด ซึ่งได้มีคำพิพากษาแล้วจำนวน 3 ท่าเรือ 5 ข้อร้องเรียน ซึ่งมีทั้งโทษจำและโทษปรับ ก็ขอเตือนให้ทุกท่าเรือได้ปฎิบัติตามคำสั่งของทางจังหวัดราชบุรี รวมทั้งเรื่องของการติดป้ายราคาที่ต้องชัดเจนด้วย
สำหรับบรรยากาศภายในท่าเรือนัมเบอร์วัน หลังจากที่เป็นข่าวก็พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเดินทางมาใช้บริการอยู่ตลอดแต่อาจจะมีลดน้อยลงไปบ้าง แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงที่จะชอบใช้บริการเรือนำเที่ยวที่ไปชมวิถีชีวิตของชาวคลองดำเนินสะดวกอยู่
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ราชบุรี จิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า
กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมจิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
ที่ป่าชุมชนบ้านห้วยจำปา อ.เมือง จ.ราชบุรี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 และ วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2568 ภายใต้โครงการจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ดูแลสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ” โดยมี นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พร้อมผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมงาน
สำหรับกิจกรรมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษา และฟื้นฟูป่า เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต จึงได้จัดทำกิจกรรมจิตอาสาขึ้นเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ฟื้นฟูพื้นที่ป่าในเขตป่าชุมชน ให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ สร้างจิตสำนึก และความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมมือ ร่วมใจ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจากข้อมูลสถิติล่าสุด ปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีป่าไม้ทั้งสิ้น 101,785,272 ไร่ (หนึ่งร้อยหนึ่งล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นห้าพันสองร้อยเจ็ดสิบสองไร่) คิดเป็นร้อยละ 31.46 ลดลงจากปี พ.ศ. 2566 เหตุมาจากการขยายตัวของภาคเกษตรกรรม เปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก และจากปัญหาไฟป่าที่ทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งมีการตัดไม้เพื่อใช้ในประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ การผลิตกระดาษ และเนื่องจากการขยายตัวของชุมชน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดลงของพื้นที่ป่าที่สำคัญต่อระบบนิเวศโดยกิจกรรมในวันนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำจิตอาสาภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่รวมกว่า 300 คน ร่วมกันปลูกกล้าไม้จำนวนกว่า 400 ต้น อาทิ ต้นโมกมัน ต้นมะค่าโมง ต้นยางนา ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เหมาะแก่การปลูกในพื้นที่ป่าดิบแล้ง ทนต่อทุกสภาวะ และหากต้นไม้โตเต็มที่ยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 48 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
ราชบุรี มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวยากไร้
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สส.ราชบุรี ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมมอบเงินทุนการศึกษา และเครื่องอุปโภคบริโภคจากมูลนิธิธรรมนัส เข้าช่วยเหลือครอบครัวยากไร้
ที่บริเวณโอ่งมังกรพ่นน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา เขตเทศบาลเมืองราชบุรี นายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตัวแทนมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า พร้อมทั้ง นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขต 3 พรรคกล้าธรรม รองประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาลและอัยการ และคณะกรรมการสาขาพรรคกล้าธรรม ภาคกลาง และนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมกันมอบเงิน และเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือครอบครัวอยู่พิพัฒน์ ซึ่งมีฐานะยากจน โดยมีแม่เป็นคนต่างด้าวชาวเวียดนาม ซึ่งมีสามีเป็นคนไทยหลังแยกทางได้พาลูกๆ จำนวน 4 คน ต่อสู้ชีวิตขายลูกอม และดอกไม้ ตามร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี การช่วยเหลือทางด้านการศึกษา สิ่งของ ที่อาศัย และให้การสนับสนุนที่เด็กทุกคนกำลังประสพปัญหา
นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่าได้รับการประสานงานมากับ สส.จตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สืบเนื่องมาจากมีครอบครัวของน้องไอซ์ ซึ่งเป็นนักเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี มีความเดือดร้อนทางด้านครอบครัว โดยคุณแม่เป็นชาวเวียดนาม ไม่มีคุณพ่อ คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกถึง4คน ซึ่งมีความเดือนร้อนมาก โดยปกติน้องๆทั้ง4คนก็จะมาขายลูกอม ขายล๊อตเตอรี่ ตามร้านค้าร้านอาหารภายในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี โดยตัวผมเองก็เห็นน้องๆนำลูกอม ล๊อตเตอรี่มาขายที่ตลาดสนามหญ้าเป็นประจำและผมก็ค่อยช่วยเหลือเป็นประจำ จนกระทั้งตนได้รับการประสานมากับนายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าวันนี้ได้นำสิ่งของยังชีพมามอบให้กับครอบครัวของน้อง โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เห็นอกเห็นใจกับครอบครัวของน้องจึงมอบหมายให้ตนได้นำสิ่งของ พร้อมเงินมามอบให้กับครอบครัวของน้อง โดยร่วมกับ นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขต 3 พรรคกล้าธรรมและ รองประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาลฯนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี
ท่านด้าน นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ กล่าวว่า ได้รับโทรศัพท์กับท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานพรรคกล้าธรรม ภาคกลาง ว่ามีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งอยู่ในอำเภอเมืองราชบุรี ได้รับความเดือดร้อน ก็ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่ทันที โดยประสานมายังนายศักดิ์ชัย พิศาลผล หรือนายกไก่ นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี และได้เข้าช่วยเหลือโดยทันทีเพื่อให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)