บทความที่ได้รับความนิยม
-
กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมจิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน...
-
หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ หลังนักท่องเที่ยวร้องค่าเรือในตลาดน้ำแพงแท้จริงขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยวอีกด้วย จากกรณีที่มีเพจ...
-
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สส.ราชบุรี ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมมอบเงินทุนการศึกษา และเครื่องอุปโ...
-
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงครามจัดงานของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวที่ม...
-
สส.เส็ง เปิดอาคารตลาดนัดเกษตรกรตำบลบ้านสิงห์เพื่อทดแทนอาคารหลังเดิมที่ถูกเหตุเพลิงไหม้ แม่ค้าสุดดีใจ มั่นใจในตลาดพร้อมเร่งพัฒนาให้เป็นยุคให...
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ราชบุรี จิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า
กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมจิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
ที่ป่าชุมชนบ้านห้วยจำปา อ.เมือง จ.ราชบุรี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 และ วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2568 ภายใต้โครงการจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ดูแลสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ” โดยมี นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พร้อมผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมงาน
สำหรับกิจกรรมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษา และฟื้นฟูป่า เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต จึงได้จัดทำกิจกรรมจิตอาสาขึ้นเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ฟื้นฟูพื้นที่ป่าในเขตป่าชุมชน ให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ สร้างจิตสำนึก และความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมมือ ร่วมใจ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจากข้อมูลสถิติล่าสุด ปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีป่าไม้ทั้งสิ้น 101,785,272 ไร่ (หนึ่งร้อยหนึ่งล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นห้าพันสองร้อยเจ็ดสิบสองไร่) คิดเป็นร้อยละ 31.46 ลดลงจากปี พ.ศ. 2566 เหตุมาจากการขยายตัวของภาคเกษตรกรรม เปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก และจากปัญหาไฟป่าที่ทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งมีการตัดไม้เพื่อใช้ในประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ การผลิตกระดาษ และเนื่องจากการขยายตัวของชุมชน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดลงของพื้นที่ป่าที่สำคัญต่อระบบนิเวศโดยกิจกรรมในวันนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำจิตอาสาภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่รวมกว่า 300 คน ร่วมกันปลูกกล้าไม้จำนวนกว่า 400 ต้น อาทิ ต้นโมกมัน ต้นมะค่าโมง ต้นยางนา ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เหมาะแก่การปลูกในพื้นที่ป่าดิบแล้ง ทนต่อทุกสภาวะ และหากต้นไม้โตเต็มที่ยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 48 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น