บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เขต 8 จัดประชุมมอบนโยบายสถานศึกษาในสังกัด

  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต  8  จัดประชุมมอบนโยบายสถานศึกษาในสังกัด

           ที่ห้องประชุมโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย ตำบลอ่างหินอำเภอปากท่อ  จังหวัดราชบุรีมีการจัดประชุมของผู้บริหารสถานศึกษาระหว่างจังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรีในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต  8  รวม  27  แห่งโดยมีนายประทีป  จำปาศรี  ผู้อำนวยการโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัยพร้อมคณะผู้บริหารโรงเรียนต่างๆเข้าร่วมประชุมเพื่อรับมอบนโยบาย  นายธัชชเวชร์  จันทร์สุขศรีผู้อำนวยการสำนักพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต  8กล่าวถึงการจัดประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดจังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี รวม  27  แห่ง  ว่า  เป็นการประชุมผู้บริหารเดือนละ  1  ครั้งในการมอบนโยบายที่สำคัญของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อให้ผู้บริหารได้ปฏิบัติตรงกันทั้งหมด  18  นโยบายหลักซึ่งเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี  ภายใต้การดูแลของ ศ.ดร. สุชาติธาราดำรงเวช  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการส่วนอื่นจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเขตการศึกษา  เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณ การบริหารบุคคล กิจกรรมเกี่ยวกับเขตพื้นที่  เรื่องคุณภาพนักเรียนให้เป็นวิธีการสอนให้มีคุณภาพโดยภาพรวม  ส่วนวันที่  19 พฤษภาคมจะเป็นการต้อนรับ ครม.สัญจร ที่จังหวัดกาญจนบุรี  โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจะประชุมและมอบนโยบายในสถานศึกษาภาคกลางตอนล่างจังหวัดกาญจนบุรี  นครปฐม  และราชบุรี  ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีซึ่งจะมีผู้บริหารเข้าร่วมรับฟังการมอบนโยบายที่จังหวัดกาญจนบุรีด้วยสำหรับนโยบายหลักๆคือ  เรื่องผลสอบโอเน็ตโดยนโยบายของรัฐบาลคือให้มีคุณภาพการศึกษาให้ดีขึ้น  คือเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเพื่อให้ผลโอเน็ตมากยิ่งขึ้นอีกส่วนคือในการสอบของพิซ่าที่จะมีในเดือนสิงหาคมที่จะมีการวัดการสอบนานาชาติ เป็นการวัดเรื่องการสอบวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์กับการอ่านของนักเรียนอายุ  15  ปีขึ้นไปในระดับมัธยมสำหรับการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนซึ่งรัฐบาลจะแจกให้กับเด็กประถมศึกษาปีที่  1  และมัธยมศึกษาปีที่  1อาจจะเป็นล็อตหลังๆ ส่วนที่มีปัญหาคือเรื่องการบริหารงานเนื่องจากข้อมูลอยู่เขตเดิมพอเป็นเขตใหม่การทำงานเกี่ยวกับการเบิกจ่ายมีปัญหาทำงานไม่ทันส่วนพื้นที่มีอยู่  2  จังหวัดการดูแลและการบริการแก่โรงเรียนอาจจะไม่ทั่วถึงส่วนนโยบายเชิงรุกโดยเฉพาะนักเรียนได้ควบคุมดูแลซึ่งจัดการศึกษาอย่างไรก็แล้วแต่ขอให้นักเรียนเป็นไปตามหลักสูตรปี  พ.ศ.2551  คือ  คุณลักษณะการพึงประสงค์  มีระเบียบวินัย  ซึ่งเกณฑ์การจบ คือนักเรียนทุกคนต้องมีเกณฑ์การจบอันพึงประสงค์นอกเหนือจากผลสัมฤทธิ์แล้วต้องผ่านเกณฑ์วิชาที่กำหนด และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ซึ่งเขตได้มีแบบติดตามเพื่อดำเนินการทดสอบในเรื่องนี้ด้วย


กรมพัฒนาพลังงานฯจัดกิจกรรม   ไบโอแก๊สเซฟตี้ แฮปปี้ทั่วไทย 
         นางรจิตรา  รัตนดิลก  ณ  ภูเก็ต  นักประชาสัมพันธ์ชำนาญการ  กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน  กระทรวงพลังงาน  เป็นประธานการประชุมเชิงวิชาการ( เวทีสาธารณะ )    โครงการรณรงค์ความปลอดภัยจากการผลิตและใช้แก๊สชีวภาพในชุมชน   ไบโอแก๊สเซฟตี้ ”   ที่ห้องประชุมโรงแรมโกลเด้นซิตี  อำเภอเมือง  จังหวัดราชบุรี 
             ซึ่งปัจจุบันในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก  มีการผลิตและการใช้เทคโนโลยีแก๊สชีวภาพ  หรือ  ไบโอแก๊ส  อย่างแพร่หลายทั้งในฟาร์มเลี้ยงสัตว์  โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดใหญ่  รวมไปถึงชุมชน  ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรฐานเฉพาะใดๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการออแบบไบโอแก๊ส   การผลิตและการใช้ไบโอแก๊สโดยตรง แต่มีการใช้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย  พระราชบัญญัติโรงงาน  พ.ศ.  2535    ในปี  2551  กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานได้จัดแนวทางการกำหนดความปลอดภัยในการออกแบบระบบผลิตและใช้ก๊าซ  เนื่องจากผู้ผลิตและผู้ใช้ไบโอแก๊สซึ่งมีตั้งแต่โรงงานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่จนถึงโรงงานฟาร์มขนาดเล็กหรือชุมชนทั่วไป  ซึ่งพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นคือเรื่องความปลอดภัย  สาเหตุมาจากความไม่เข้าใจในกระบวนการผลิตและดูแลรักษาระบบ  ขาดความรู้ด้านความปลอดภัยในการผลิตและการใช้แก๊สชีวภาพอย่างถูกต้อง  หรือประมาทเลินเล่อทำให้ละเลยเรื่องความปลอดภัยจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น
                กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานจึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น  เพื่อมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจและเผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยจากการผลิตและการใช้แก๊สชีวภาพอย่างถูกต้อง  จัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายนพฤษภาคม  ในพื้นที่  10  จังหวัด  คือ  สุราษฎร์ธานี  พัทลุง  เชียงใหมลำพูน  ลำปาง  ร้อยเอ็ด  นครราชสีมา   ลพบุรี  ราชบุรี  ชลบุรี  ลักษณะกิจกรรมประกอบด้วยการจัดเวทีสาธารณะ  เพื่อพบกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านไบโอแก๊สกับผู้ประกอบการจากโรงงานอุตสาหกรรมและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่  และเวทีบันเทิง   ที่นอกจากจะให้ความบันเทิงหลายรูปแบบแล้วยังสอดแทรกสาระความรู้การผลิตและการใช้แก๊สชีวภาพอย่างปลอดภัยระดับครัวเรือนให้กับผู้ร่วมงานในชุมชน 
                  ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญของกิจกรรมนี้ คือ เป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและส่งเสริมให้ชุมชนสามารถผลิตพลังงานทดแทนใช้เองได้อย่างยั่งยืน

คัดเลือก 3 หมู่บ้าน เศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุข



ราชบุรีคัดเลือก  3  หมู่บ้าน  เศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุ
               นายณรงค์  ครองชนม์  รองผู้ว่าราชการจังหวัด  เป็นประธานคัดเลือกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง   อยู่เย็น  เป็นสุข ดีเด่น  ประจำปี  2555  ที่บ้านหนองจอก  หมู่ที่  5  ตำบลหนองพันจันทร์  อำเภอบ้านคา  จังหวัดราชบุรี  โดยมี  นายชาตรี  จันทร์วีระชัย  นายอำเภอบ้านคา  พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับสำหรับบ้านหนองจอก  หมู่ที่  5  ตำบลหนองพันจันทร์  ได้รับการส่งเสริมให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงดีเด่น  ตามโครงการเชิดชูเกียรติผู้นำเครือข่ายพัฒนาชุมชนดีเด่น  ประจำปี  2555 เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้น้อมนำแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน  รวมไปถึงการพัฒนาหมู่บ้าน โดยการวางแผนของชุมชน คือ  การมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม  โดยที่ไม่ทำตัวให้เป็นภาระของส่วนราชการ  ซึ่งสังเกตได้จากกิจกรรมต่างๆ   ที่ได้กระทำร่วมกัน  เรียกได้ว่า  เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน  กล่าวคือ  ได้ดำเนินการพัฒนาไปพร้อมๆกัน  ทั้ง  3  ด้าน  คือ  ด้านสังคม  ด้านสิ่งแวดล้อม  ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาหมู่บ้าน
              สำหรับจุดเด่นของหมู่บ้านหนองจอกคือ  ประชาชนมีความรัก  สามัคคี  มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  สามารถแก้ไขปัญหาของชุมชนได้   โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอบ้านคา  ได้ดำเนินงานร่วมกับหมู่บ้านหนองจอก  หมู่ที่  5  ตำบลหนองพันจันทร์  อำเภอบ้านคา  เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้นำเครือข่ายพัฒนาชุมชนที่มีผลงานและกิจกรรมพัฒนาดีเด่นระดับจังหวัดให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน  โดยกำหนดให้มีกิจกรรมที่จะเข้ารับโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารีและโล่รางวัลสิงห์ทอง โดยเข้าร่วมคัดสรรหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง  อยู่เย็น เป็นสุข”  ดีเด่นระดับจังหวัด ในวันนี้  ซึ่งหมู่บ้านหนองจอก  มีการพัฒนาบริหารจัดการชุมชนโดยยึดหลักธรรมาภิบาล  โปร่งใส  คุ้มค่า  ยึดประโยชน์ของประชาชน  อำนวยความสะดวกให้บริการประชาชน  ยึดการมีส่วนร่วมของประชาชน  รักษาประโยชน์ส่วนรวม  ไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ  ทันสถานการณ์แก้ไขปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนทุกข์ยาก  และบ้านหนองจอกยังได้น้อมนำการดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั  เช่น ด้านการพัฒนาคน   การส่งเสริมให้ประชาชนดำเนินชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง  การลดรายจ่าย  ปลูกผักสวนครัวกินเองร้อยละ  80  ของครัวเรือนในหมู่บ้าน  การจัดทำบัญชีครัวเรือน ร้อยละ  100  ของครัวเรือนในหมู่บ้าน  การที่ทุกคนประหยัดโดยทำโครงการออมด้วยกระบอกไม้ไผ่ไม่ถอนจำนวน  5  ปี  จำนวนร้อยละ  70  ของครัวเรือนในหมู่บ้าน  ด้านการเพิ่มรายได้   ส่งเสริมให้ประชาชนในหมู่บ้านประกอบอาชีพเสริมในการเพิ่ม  เช่น  การเพิ่มรายได้เสริมจากอาชีพกวนสับปะรด  เลี้ยงเป็ด  เลี้ยงไก่  เลี้ยงปลา ปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ร้อยละ  75  การสนับสนุนโครงการผู้นำอาสาพัฒนาชุมชน “1ไร่  1  แสน”  เป็นศูนย์เรียนรู้ในการพัฒนาอาชีพให้ครบถ้วนทุกครัวเรือนภายในปี  2556   ด้านการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  โดยการกำจัดขยะส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนมการกำจัดขยะแบบถูกวิธี  โดยสาธารณสุขตำบลหนองพันจันทร์ให้คำแนะนำพร้อม อสม.  ร้อยละ  80  มีการอนุรักษ์ผืนป่าไว้จำนวน  380  ไร่  เป็นสาธารณสมบัติของหมู่บ้านและปลูกป่าโดยกลุ่มเยาวชนและประชาชนบ้านหนองจอกทุกปี
                 อย่างไรก็ตามจังหวัดราชบุรีได้พิจารณาคัดเลือกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็น  เป็นสุขดีเด่นที่ได้รับการกลั่นกรองเข้ารอบจำนวน  3  หมู่บ้าน  ได้แก่  บ้านหนองจอก  หมู่ที่  5  ตำบลหนองพันจันทร์  อำเภอบ้านคา  ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ  1   บ้านลาดบัวขาว   หมู่ที่  ตำบลลาดบัวขาว  อำเภอบ้านโป่ง  บ้านหัวเขาจีน  หมู่ที่  ตำบลห้วยยางโทน  อำเภอปากท่อ 
  

อุโบสถวัดโรงช้างราคากว่า 50 ล้านพื้นปูนและเสาแตกร้าว


อุโบสถวัดโรงช้างราคากว่า 50 ล้านพื้นปูนและเสาแตกร้าวเกรงจะเกิดทรุดตัวลง
    นายณรงค์   ครองชนม์   รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี      นายศิริศักดิ์  ตาลบำรุง    นักวิชาการชำนาญการสำนักพุทธศาสนาจังหวัดราชบุรี   พร้อมด้วยพระครูสมุหสมศักดิ์  มเหสักโข  เจ้าอาวาสวัดโรงช้าง  ตรวจสอบสภาพความเสียหายของผนังพื้น และเสาปูน  ของอุโบสถวัดโรงช้าง   ตั้งอยู่ถนนสายราชบุรี  เขางู   เขตเทศบาล     อําเภอเมือง   จังหวัดราชบุรี  ราคากว่า  50  ล้านบาท   เกิดการแตกร้าวจํานวนมาก   เนื่องจากเกิดฝนตกลงมาทําให้นํ้าซึมอยู่ใต้แผนปูนกัดกล่อนเหล็กเส้นบริเวณพื้นปูนจนเป็นสนิมเกิดการระเบิดแตกร้าวปูนแตกออกมาจํานวนมาก     สร้างความเสียหายในกับรากฐานของอุโบสถที่มีอายุประมาณ  50 กว่าปีแล้ว  ซึ่งเป็นอุโบสถเก่าแก่ของวัด  และได้มีการบูรณะใหม่เมื่อประมาณ  10  แล้ว  โดยบริเวณพื้นปูนนํ้าที่ซึมซัดเอาไว้ได้ไหลออกมาทางพนังพื้นปูนตลอดเวลา ทั้งนี้หากไม่มีการซ่อมแซมอาจจะเกิดทําให้อุโบสถทรุดตัวลงจนสร้างความเสียหายได้
                    จากการตรวจสอบฐานรากของอุโบสถดังกล่าว   พบว่ามีการแตกร้าวเสี่ยงต่อการทรุดตัว  ซึ่งทางวัดได้ให้ทางสํานักงานโยธาและฝังเมืองจังหวัดราชบุรี  ตรวจสอบเพื่อประเมินราคาในการซ่อมแซมคาดว่าประมาณ  3  ล้าน  โดยทางวัดยังไม่มีงบประมาณในการซ่อมแซม   จึงขอความเมตตากับผู้ใจบุญมาร่วมกันสมทบทุนในการซ่อมแซมอุโบสถ
             พระครูสมุหสมศักดิ์  มเหสักโข  เจ้าอาวาสวัดโรงช้าง กล่าวว่า    อุโบสถหลังนี้สร้างมา  2  เจ้าอาวาสแล้ว  ปัจจุบันได้ดูแลบูรณะเป็นรุ่นที  3  ยังไม่สำเร็จเป็นรูปแบบมีอายุก่อสร้างมากว่า  50  ปีแล้ว  งบประมาณสมัยนั้นประมาณ  4  ล้านบาท   อาตมาได้จัดสร้างตั้งแต่ช่อฟ้า  ใบระกา  ซุ้มประตู  หน้าต่างบานภายนอกภายใน   พื้นระเบียงจนสำเร็จเรียบร้อยเหลือแต่กำแพงแก้วที่จะทาสีขาวจึงจะเสร็จสำบูรณ์    เปลี่ยนไฟรอบ  อุโบสถใหม่   โดยได้นักเรียนจากวิทยาลัยเทคนิคราชบุรีมาดำเนินการให้    จึงนำพาลงไปใต้ถุนโบสถ์เพื่อจะชี้จุดทำไฟสายเมนเข้ามาบริเวณ    หลังนำพาเด็กนักเรียนวิทยาลัยเทคนิคลงไปแล้วก็ไปพบตีนเสาโบสถ์ที่แตกร้าว  จึงได้ไปขอร้องเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดเข้ามาตรวจสอบและดูแลซึ่งทางเจ้าหน้าที่บอกว่า   เดิมสมัยก่อนจะใช้หินก้อนใหญ่มวลสารที่ก่อสร้างไม่ค่อยรัดตัวทำให้เป็นช่องโหว่ของอากาศสามารถเข้าได้  พออากาศเข้าไปนานๆเกิดสนิมกินบริเวณในเสาที่ก่อด้วยเหล็กจึงเกิดการเบ่งตัว  ก็เลยระเบิดจนปูนที่ก่อตัวเป็นเสาเกิดแตกร้าวระเบิดออก  พออากาศเข้าไปเรื่อยก็ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง  เป็นข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดที่ให้ข้อมูลมา    เมื่อวานก็มาแจ้งกับทางวัดว่าต้องรีบซ่อมแซมโดยเร็วช้าไม่ได้อีกแล้ว  ทางวัดก็ไม่มีเงิน  เบื้องต้นที่ได้รับแจ้งจากโยธาจังหวัดต้องใช้งบประมาณ  8  แสนบาท  จากทั้งหมดรวม 3  ล้านบาท จึงขอให้ผู้มีจิตรศรัธาร่วมบริจาคเงินซ่อมแซมอุโบสถให้คงทนถาวรให้อยู่คู่กับวัดโรงช้างต่อไป