บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโรงงาน

สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโรงงานในเขตพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก


ตามที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องของน้ำเสียในคลองดำเนินสะดวก อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี มาอย่างต่อเนื่อง และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบถึงสาเหตุของน้ำเสีย ซึ่งก็พบว่าส่วนหนึ่งมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ หลายแห่งที่ขาดระบบบำบัดที่ถูกต้องและได้มาตรฐาน โดยเรื่องดังกล่าว ทางสำนักงานอุตสาหกรรม โดยนายสุรพล ชามาตย์ อุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี จึงได้จัดการประชุมให้ความรู้กับผู้ประกอบการทั้ง 9 แห่งในเขตพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก โดยมีนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานในการประชุม และมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยศรี ธาราสัสดิ์พิพัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและพลังงานทดแทน มาเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ โดยในการประชุมมีการอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนของการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเบื้องต้นแบ่งออกเป็นระบบบำบัดขั้นต้น คือการแยกสารต่างๆออกจากน้ำเสียหรือปรับสภาพน้ำให้เหมาะต่อการบำบัด รวมถึงระบบบำบัดขั้นที่สอง คือการกำจัดค่าความสกปรกในน้ำให้ได้น้ำทิ้งที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบบำบัดขั้นที่สาม คือการกำจัดสารที่หลงเหลือให้หมดไป โดยการบำบัดดังกล่าวยังแบ่งออกเป็นการบำบัดน้ำเสียทางเคมี และการบำบัดทางชีวภาพอีกด้วยนอกจากนี้ ในการประชุม ยังได้มีการเสนอให้ทางกลุ่มผู้ประกอบการแต่งตั้งคณะกรรมการ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่หลายแห่ง ต้องการระบบการบำบัดที่แตกต่างกันออกไปสาเหตุมาจากสถานที่ที่มีจำกัด โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวก็เพื่อวางแผนสำรวจกิจการของโรงงานแต่ละแห่ง และนำมาสรุปหาแนวทางการแก้ปัญหาของระบบบำบัด เพื่อติดตามผลต่อไป อีกทั้งภายในการประชุมทางนายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำเสียที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากการปล่อยปะละเลย และไม่สนใจผลกระทบทางทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ของผู้ประกอบการ โดยนับจากนี้ไป ทางจังหวัดจะมีการเข้มงวดในด้านกฎหมาย และหากพบว่าผู้ประกอบการรายใดยังฝ่าฝืนปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำลำคลองอีก ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

พายุพัดต้นไม้หักทับบ้าน

พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านโชคดีเด็กน้อยวัย 20 วันรอด




 นางปาลิดา ประถมภัฎ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลหลักเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เทศบาลได้นำอุปกรณ์ตัดต้นไม้ ทั้งเลื่อยยนต์ และมีด ได้เดินทางไปที่บ้านของ นายนรินทร์ เทศปลื้ม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 / 1 หมู่ 3 ตําบลโคกหม้อ อําเภอเมือง จังหวัดราชบุรี หลังได้รับแจ้งว่าที่บ้านหลังดังกล่าวนั้นถูกพายุพัดต้นไม้หักใส่ทับบ้านได้รับความเสียหาย



ซึ่งเมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบ นายนรินทร์ เทศปลื้ม ยืนอุ้มลูกน้อยเพิ่งคลอดใหม่ได้เพียง 20 วันเศษ ยืนอยู่หน้าบ้านด้วยความตกใจ โดยนายนรินทร์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก และมีลมพายุพัดแรงจนกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักทับหลังคาบ้านตรงบริเวณห้องนอนที่ตนกับภรรยาและลูกกำลังนอนหลับอยู่ จนหลังคาบ้านได้รับความเสียหายเศษกระเบื้องหลังตกลงมาที่พื้นแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ตนต้องรีบพาลูกน้อยวัย 20 วันออกมานอนข้างนอก



ด้านนางปาลิดา ประถมภัฎ นายกเทศบาลตําบลโคกหม้อ ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้นเพื่อจะได้ทำการช่วยเหลือในเบื้องต้นต่อไป

ตรวจพื้นที่บุกป่าสวนผึ้ง

กองทัพบกร่วมกับกรมการทหารช่างราชบุรีตรวจพื้นที่รุกป่าสวนผึ้ง


 พลตรีปัฐมพงศ์ ประถมภัฎ รองเจ้ากรมการทหารช่างราชบุรี พร้อมด้วย พลตรีวีรศักดิ์ รักษาทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พ.อ.กสิณ จ้อยประดิษฐ์ หัวหน้ากลุ่มงานข่าวกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดราชบุรี พ.อ.ทนงศักดิ์ มหาวงศ์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจค่ายทัพพระยาเสือ กองกําลังสุรสีห์ และนายไสว วนสบดีกุล ธนารักษ์จังหวัดราชบุรี เข้าร่วมประชุมให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ทั้ง วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ ที่ค่ายทัพพระยาเสือ อําเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หลังจากมีข่าวราษฎรบุกรุกป่าพื้นที่ราชพัสดุ ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านถํ้าหิน ตําบลสวนผึ้งหลายหมื่นไร่ ที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ตรงกับความเป็นจริง พลตรีปัฐมพง์ เปิดเผยว่า ได้เชิญสื่อมวลจากแขนงต่าง ๆ จากส่วนกลาง มารับฟังบรรยายสรุปพื้นที่ราชพัดุที่มีการบุกรุกจํานวนมาก มีการปลูกยางพารา และปาร์มนํ้ามัน จนโล่งเตียนขึ้นเขาเกินพื้นที่ลาดชั้น 35 เบอร์เซ็น 19 องษา ที่กรมการทหารช่างราชบุรี และส่วนหนึ่งกองพลพัฒนาที่ 1 ดูแลพื้นที่ใช้ประโยชน์ มีเนื้อที่ประมาณ 5 แสนไร่ จึงมีการตั้งกฏเกณฑ์ 5 ข้อให้กับผู้ที่ขอเช่าพื้นที่ให้ถูกต้อง หากฝ่าฝืนจะดําเนินการในขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก คือ เข้าสู่ขบวนการยุติธรรม พร้อมประสานให้ข้อเท็จจริงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดการสับสน อย่างไรก็ตามการตรวจสอบพื้นที่ครั้งนี้ ได้มีการประสานขอเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพบก นําคณะสื่อมวลชน พร้อมนางกัลยา ศิริเนาวกุล ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ประจําจังหวัดราชบุรี เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่บ้านถํ้าหิน อีกทั้งนํากําลังเจ้าหน้าที่ทหารตรวจสอบทางภาคพื้นดินด้วย ซึ่งพบว่าพื้นที่ดังกล่าวถูกบุกรุกไปกว่า 3 หมื่นไร่ ในพื้นที่ราบเชิงเขา รวมทั้งมีการบุกรุกขึ้นเขาหลายลูกจนทําให้ป่าเสียหายไปจํานวนมาก ทั้งนี้เพื่อนําเสนอข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบถึงปัญหาดังกล่าวอย่างถูกต้อง

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

ประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ

กองทัพบกตรวจพื้นที่เตรียมประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจันที่ราชบุรี


เวลา 11.00 น. วันที่ 7 กันยายน 2553 พลเอก จริยะ ทองทับ ผู้อํานวยการสํานักงานประสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ และความมั่นคง กองทัพบก กล่าวภายหลังการเดินทางมาตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ตําบลยางหัก อําเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชประสงฆ์ที่จะรักษาป่าเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ไว้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน ซึ่งพระองค์ทรงเห็นความสําคัญ จึงพระราชทานแนวพระราชดําริให้กองทัพบก ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และอุทยานร่วมกันดูแล

วันนี้เพื่อมาดูความคืบหน้าของโครงการ ซึ่งเห็นแล้วว่าประชาชนเอง โดยเฉพาะราษฎรพิทักษ์ป่ามีความเข้าใจกับการดูแลป่า ทําให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น ความชุ่มชื่นเพิ่มขึ้น ฝนจะตกตามฤดูกาล

เรื่องประกาศเขตอุทยานฯนั้น ทางเจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้นําท้องถิ่นรับทราบ และอยู่ระหว่างดําเนินการ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติที่แน่นอน แนวเขตที่ชัดเจน ที่สําคัญได้ให้คําแนะนํากับประชาชนว่าการที่จะดํารงชีวิตอยู่ได้ต้องน้อมนําปรัญญาแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้ ไม่ใช่มีพื้นที่ 10 ไร่ จะให้พื้นที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องไปซื้อ จึงมาบุกรุกป่าเพื่อเอาพื้นที่ ตรงนี้ก็ต้องทําความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย สําหรับพื้นที่ป่า ทางเจ้าหน้าที่พยายามจะฟื้นฟู เนื่องด้วยพระองค์ท่านสั่งแต่เรื่องป่า เรื่องนํ้าเป็นสําคัญ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งกองทัพ และภาคประชาชน เอกชน สนับสนุนการสร้างฝาย เป็นแนวทางหนึ่งที่รักษาป่าได้อย่างพื้นที่ป่าอุทยานเฉลิมพระเกียรติไทยประจันยังอุดมสมบูรณ์ และเป็นแห่งต้นนํ้าที่ทําให้ป่าชุ่มชื่นได้

ถูกทหารไล่ที่

ชาวสวนยางในอ.สวนผึ้ง ร้องถูกทหารขับไล่อ้างไม่ได้ให้เช่าพื้นที่

 เวลา 11.00 น.วันที่ 8  กันยายน 2553 นายสมศักดิ์ อาทรสิริรัตน์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนายเอกวัฒน์ ตรึกตรอง ได้นำตัวแทนชาวบ้านที่ปลูกยางพาราในพื้นที่อ.สวนผึ้ง ซึ่งได้จัดตั้งเป็นกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ทั้งหมด 5 ตำบล 27 หมุ่บ้าน เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ที่ศาลากลางจังหวัด เนื่องจากมีหนังสือแจ้งจาก จ.ราชบุรี ซึ่งลงนามโดยนายสุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ว่าขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ราชพัสดุ บริเวณหมู่ 5 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง ได้ทำการย้ายออกนอกพื้นที่ภายใน 30 วัน เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ที่ทหารเป็นผู้ดูแลพื้นที่ และมีชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินโดยการปลูกสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยไม่ได้มีการขอเช่าพื้นที่ จึงต้องให้ดำเนินการย้ายออก โดยทางเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานทหารนำหนังสือไปแจ้งให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้านยังได้อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารของกรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี ที่ดูแลพื้นที่เข้าไปทำการข่มขู่ และยึดอุปกรณ์การทำหากินของชาวบ้านไปด้วย ทำให้ชาวบ้านเกิดอาการหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะออกไปทำมาหากิน ซึ่งการมายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้มีการระงับการให้ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ไปก่อนจนกว่าชาวบ้านจะดำเนินการร้องศาลปกครอง เพื่อให้ได้สิทธิ์ในพื้นที่ ก่อนและให้มีการรับเสียภาษีบำรุงท้องที่เพื่อไม่ต้องการให้ใครมาสวมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

ซึ่งในการร้องขอความเป็นธรรมของชาวบ้านในครั้งนี้ ทางจังหวัดได้ให้ทางธนารักษ์ จ.ราชบุรี และเจ้าหน้าที่นิติกรจ.ราชบุรี ได้มาทำการชี้แจงในเรื่องของการให้ย้ายออกนอกพื้นที่ว่า พื้นที่ดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์ 5 ข้อที่ได้มีการกำหนดไว้ ส่วนการเสียภาษีบำรุงท้องที่นั้นตามกฎหมายนั้นระบุไว้ว่า พื้นที่เป็นที่ดินราชพัสดุต้องไม่ทำการจัดเก็บภาษี เพราะจะต้องไปดำเนินการเช่าพื้นที่กับทางธนารักษ์พื้นที่เท่านั้น ส่วนการดำเนินการในเรื่องของการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ของชาวบ้านที่อ้างว่าถูกขับไล่นั้น ก็จะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบในวันจันทร์ที่ 13 ก.ย.53 นี้เพื่อจะได้ความชัดเจน โดยนายกิตติ ทรัพย์วิสุทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ขอให้ชาวบ้านนั้นยอมรับในข้อกฎหมายและยอมรับในการตัดสินของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ก็ต้องนำเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดมาแสดงเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ด้วย

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์

รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหักรักษาสิ่งแวดล้อม




สำหรับคลองโพหัก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.โพหัก อำเภอบางแพ จ.ราชบุรี เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ อันเป็นสายเลือดของชาวโพหักใช้ในการอุปโภคบริโภค มีประชากรตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัยสอง ฝั่งคลอง รวม 7 หมู่บ้าน ในปัจจุบัน การคมนาคมเปลี่ยนเป็นทางบกแทนทางน้ำ ใช้รถยนต์แทนเรือ ประโยชน์จากน้ำการใช้ลำคลองเป็นวิถีชีวิตจึงลดลง ปัญหาต่างๆเริ่มตามมามีการปล่อยน้ำเสียจากนากุ้งและนาข้าวลงสู่ลำคลองสาธาณะ ทำให้สัตว์น้ำในลำคลองลดลง มีการทำลายสภาพภูมิทัศน์ โดยการสร้างถนนผ่าน มีการปลูกบ้านเรือนรุกล้ำที่ดินสาธารณะริมสองฝั่งคลอง มีการออกโฉนดในพื้นที่ลำคลอง และถมดินลงในลำคลองจนพื้นที่ วัฒนธรรมและประเพณีทางน้ำอันดีงามลดน้อยลง และกำลังถูกละเลย ทำให้วัฒนธรรมและประเพณีต่างๆกำลังจะสูญหายไป รวมทั้งวัชพืช ในลำคลอง ถูกปล่อยปละละเลยไม่สามารถใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ได้จนทำให้พื้นที่ลำคลองตื้นเขินโดนรวดเร็ว ดังนั้นทางสภาวัฒนธรรมอำเภอบางแพ จ.ราชบุรี ได้จัดกิจกรรมรณรงค์สร้งความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก โดยมี นายณรงค์ พลละเอียด รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดการ รณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก พร้อมทั้งได้รับความมือจาก สภาวัฒนธรรมตำบลโพหัก และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี ร่วมกันดำเนินการ เพื่อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเร่งสร้างและกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น จากการส่งเสริมการจัดบริการท่องเที่ยวทางน้ำ สำรวจ ฟื้นฝู และปรับปรุงสภาพคลองโพหักให้เหมาะสม เป็นสถานบำรุงและฟื้นฟูพันธุ์สัตว์น้ำที่มีการใช้ประโยชน์จากคลองโพหักอย่างเป็นระบบ รวมทั้งมีการศึกษาวิจัยและจัดการเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากน้ำและความสำคัญของคลองโพหัก ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความร่วมมืออนุรักษ์คลองโพหัก ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อการฟื้นฟูวิถีทางน้ำในคลองโพหัก จะได้ทำให้ นักเรียนนักศึกษา เยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจและร่วมกันอนุรักษ์คลองโพหักอย่างถูกต้อง เพื่อให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้ลำคลองใสสะอาดคงอยู่สืบไป