บทความที่ได้รับความนิยม

วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ราชบุรี บุกจับนักพนันในงานวันเกิดได้นักพนันพร้อมทั้งของกลาง



เจ้าหน้าที่ปกครอง  ตำรวจ ทหาร  สนธิกำลังเข้าร่วมกันทำการจับกุมนักพนันในงานวันเกิดได้ผู้ต้องหาพร้อมทั้งของกลางจำนวนมาก




                      ที่บริเวณล้งมะพร้าว หมู่ที่   2   ต.ขุนพิทักษ์    อ.ดำเนินสะดวก  จ.ราชบุรี   มีการจัดงานครบรอบวันเกิดส่งเสียงดังและเล่นการพนัน      นายประยงค์   จันทรเต็ง   นายอำเภอดำเนินสะดวก    พร้อมทั้ง พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผกก.สภ.ดำเนินสะดวกนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งกำลังฝ่ายปกครองและทหารพลพัฒนาที่  1  เดินทางไปพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า  50 นาย พบบริเวณล้งมะพร้าวดังกล่าว มีพื้นที่ประมาณ ไร่  บริเวณอาคารขนาดใหญ่กว้างประมาณ   20  เมตรยาวประมาณ   40 เมตรอยู่ตรงกลาง  ส่วนหนึ่งกำลังตั้งวงกินเหล้าและกินข้าวต้มอยู่  ใกล้กันพบนักพนัน กำลังเล่น การพนันไฮโลกันอย่างสนุกสนาน จึงได้ทำการล้อมทำการจับกุมได้นักพนันจำนวน  15  คนพร้อมทั้งของกลางเป็นแผ่นป้ายบอกแต้ม จำนวน  แผ่น  ลูกไฮโล จำนวน   3   ชุด  และจานเขย่าไฮโลคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คจำนวน  เครื่อง และกล้องติดโน้ตบุ๊คจำนจำนวน  ตัว  จึงได้เก็บรวบรวมใว้เป็นหลักฐานพร้อมทั้งนำนักพนันทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี

                           จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายศักดิ์ชัย  โงวิวัฒน์กิจ  ได้เข้ามาจัดงานครบรอบวันเกิดภายในล้งมะพร้าว  โดยมีเพื่อนและญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมอวยพรวันเกิดกันเป็นจำนวนมากและได้กินเหล้าร้องเพลงส่งเสียงดังจนทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงได้แจ้งไปทางอำเภอและได้มีอีกส่วนหนึ่งได้ มีการเล่นการพนันตั้งวงไฮโลเกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการจับกุมดังกล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ราชบุรี ชาวบ้านร้องถูกปิดทางเข้าออกทำให้เดือดร้อน


    ชาวบ้านร้องถูกปิดทางเข้าออกทำให้เดือดร้อน  ทั้งที่เส้นทางนี้ใช้มากว่า 30 ปีแล้ว



  วันที่ 22 ธ.ค. 59  ชาวบ้านในหมู่ 4  ต.ประสาทสิทธิ์  อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  ได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า  ถูกปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน  ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ด้านในกว่า 20 ชีวิต นั้นเดือดร้อนเพราะไม่สามารถเข้าออกได้ โดยนายวิเชียร  ลิขิตกสิกุล  อายุ 50 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 122 หมู่ 4  ต.ประสาทสิทธิ์  ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกปิดเส้นทางเข้าออก ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ได้รับความเดือดเนื่องจากเจ้าของพื้นที่คนใหม่ที่มาซื้อแปลงนี้ได้ทำการปิดเส้นทางเข้าออก  ทำให้ไม่สะดวกในการที่จะเดินเข้าออกในหมู่บ้าน  โดยเฉพาะคนแก่ที่จะต้องออกมาหาหมอก็ไม่สามารถออกมาได้ ส่วนเด็กนักเรียนก็ไปโรงเรียนไม่ได้   ที่ผ่านมาก็พยายามเข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าของที่ดินที่มาทำการสร้างประตูปิดทางเข้าออกเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.59 ที่ผ่านมา  เพื่อขอความเห็นใจ แต่ทางเจ้าของที่ดินก็อ้างว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นได้มีการซื้อต่อมาและเป็นสิทธิของตนเอง  ถ้าใครจะเข้าออกในเส้นทางนี้จะต้องเสียเงินหลังละ 50,000 บาท และค่าเช่าเป็นรายปีๆละ 2,000 บาท  ซึ่งตนเองกับชาวบ้านนั้นหาเช้ากินค่ำไม่มีเงินจะไปจ่ายให้  ทั้งที่ถนนเส้นนี้ได้มีการใช้ร่วมกันมากว่า 30 ปี แล้ว และชาวบ้านได้ช่วยกันออกเงินในการซ่อมสร้างถนนในช่วงที่ถนนนั้นพัง  และบางครั้งทางเทศบาลตำบลประสาทสิทธิ์ก็นำเงินงบประมาณเข้าช่วยซ่อมถนนด้วย  แต่เมื่อที่ดินแปลงนี้มีการเปลี่ยนมือ เจ้าของที่ดินคนใหม่ก็ทำการถมถนนขึ้นมาใหม่และทำการสร้างประตูปิดทางเข้าออกทำให้ชาวบ้านนั้นเข้าออกไม่ได้ ต้องแอบเดินเลี่ยงด้านข้างถนนโดยผ่านที่ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง  ซึ่งมีระยะทางเกือบครึ่งกิโลเมตร  รถไม่สามารถวิ่งเข้าออกได้ต้องเดินอย่างเดียว และถ้าจะออกไปไหนต้องแอบเดินออกไปตั้งแต่เช้ามืดและกลับในช่วงค่ำๆเพื่อไม่ให้เจ้าของที่เห็นเพราะกลัวว่าจะถูกเขาฟ้องว่าบุกรุกที่ดิน   ที่ผ่านมาก็ได้ไปร้องเรียนกับทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอดำเนินสะดวกแล้ว  และก็ให้มีการไกล่เกลี่ยกันเอง   แต่ทางเจ้าของที่ดินก็ยังยืนยันที่จะให้จ่ายเงินค่าผ่านประตูให้  จึงอยากขอความเป็นธรรมกับทางหน่วยงานราชการอื่นให้มาช่วยชาวบ้านด้วย เพราะชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ
    ด้านนายสมอาจ   บุญเพ็ง  อายุ 81 ปี  อดีตผู้ช่วยกำนันตำบลประสาทสิทธิ์  ก็บอกว่า ถนนเส้นนี้ชาวบ้านใช้มากว่า 30 ปี แล้ว ในช่วงที่เป็นผู้ช่วยกำนันก็เคยมาช่วยชาวบ้านซ่อมแซมถนน  แต่ต่อมาที่ดินแปลงนี้ถูกขายมาเป็นทอดๆ และเจ้าของที่ดินคนใหม่ก็ทำการปิดเส้นทางเข้าออก ส่งผลให้ชาวบ้านเดือดร้อน
      ส่วนนายพุฒิชัย   สำราญจิต  อายุ 47 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 98  หมู่ 5  ต.ดอนมะโนราห์  อ.บางคณฑี  จ.สมุทรสงคราม  ซึ่งมาซื้อที่ดินในบริเวณดังกล่าวเพื่อทำสวนมะพร้าว เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา  ก็บอกว่า  เดิมนั้นเส้นทางนี้มีอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่ตนจะเข้ามาซื้อที่ดินในหมู่บ้านเพราะเห็นว่ามีทางเข้าออก  และเคยออกเงินช่วยในการซ่อมแซมถนนหลายครั้ง  แต่จู่ๆเจ้าของที่ดินคนใหม่ที่มาซื้อก็ทำการถมพื้นถนนขึ้นมาใหม่และทำประตูปิดทางเข้าออกทำให้ตนเองนั้นเข้าไปดูแลสวนมะพร้าวไม่ได้เลย ต้องปล่อยให้รกร้าง   จึงอยากขอความเห็นใจจากเจ้าของที่ดินให้ช่วยเปิดทางให้ชาวบ้านได้ใช้บ้าง  หรือขอให้หน่วยงานภาครัฐได้ช่วยลงมาตรวจสอบด้วยว่าเส้นทางดังกล่าวนั้นเป็นเส้นทางสาธารณะหรือไม่ หรือจะต้องให้ชาวบ้านได้ช่วยซื้อกุญแจดอกละ 50,000 บาท   

ราชบุรี ชาวบ้านยกขบวนประท้วงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง



   ชาวบ้านยกขบวนประท้วงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง  ปล่อยข้อมูลรั่วไหลให้ฝ่ายตรงข้าม จนโดนข่มขู่



            วันที่ 22 ธ.ค.59  มีชาวบ้านห้วยขวาง หมู่ 11 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง  จ.ราชบุรี  ประมาณ 100 คน  พากันมารวมตัวที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง  ถือป้ายประท้วงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง  มีข้อความ  ประชาชนไร้ที่พึ่งไร้อำนาจ ศูนย์ดำรงธรรมจะมีไว้เพื่ออะไร  ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง ไม่เป็นธรรม เอาข้อมูลชาวบ้านที่มาร้องเรียนไปแจ้งให้ฝ่ายที่ถูกร้องเรียน มารังแกประชาชน   
         สืบเนื่องมาจาก นางสาวนงนุช  เสลาหอม  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ท่าผา  พร้อมชาวบ้าน ได้ร่วมกันลงชื่อร้องเรียนเทศบาลเมืองท่าผา เรื่องทางเทศบาลจะขอศาลาอเนกประสงค์ ที่ชาวบ้านร่วมใจกันสร้างในพื้นที่ของชลประทาน มานานกว่า 20 ปี   โดยทางเทศบาลจะขอศาลาใช้ทำเป็นสำนักงานสภาเกษตร   แต่ชาวบ้านไม่ยอม เพราะใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมหมู่บ้านเป็นประจำ  จึงได้ร่วมลงชื่อมาร้องเรียน  แต่รายชื่อที่ชาวบ้าน ร้องเรียนนั้น  กลับถูกถ่ายเอกสารจากศูนย์ดำรงธรรม   ส่งไปให้ทางเทศบาลและมีการส่งคนออกมาข่มขู่ ว่าจะฟ้องร้อง  จนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวว่าจะถูกเทศบาลฟ้องร้อง   จึงได้รวมตัวกันเดินทางไปสอบถามถึงเหตุผลว่า ทำไมข้อมูลที่ชาวบ้านร้องเรียนถึงได้รั่วไหล     ด้าน นายสุรศักดิ์  เสลาหอม  อายุ 64  ปี  อยู่บ้านเลขที่ 16/8  ม.11  ต.ท่าผา  อ.บ้านโป่ง  ตัวแทนของชาวบ้าน กล่าวว่า   ที่ชาวบ้านมากันวันนี้ เพื่อต้องการมาสอบถามและต้องการคำชี้แจงจาก  ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง ว่าทำไมถึงส่งรายชื่อของชาวบ้าน ให้กับเทศบาลเมืองท่าผา  จนทำให้ให้ชาวบ้านถูกข่มขู่   ทั้งที่ชาวบ้านนั้นคิดว่า ศูนย์ดำรงธรรมนั้นเป็นที่พึ่งแต่กลับปล่อยข้อมูลรั่วไหล  จึงอยากให้ท่านออกมาชี้แจง  เพราะต่อไปคงจะไม่มีใครกล้ามาร้องเรียนอีก
      ต่อมา นายสุชาติ   ดือเร๊ะ  ปลัดอาวุโส  อำเภอบ้านโป่ง  ได้ออกมาชี้แจงว่า การร้องเรียนนั้นต้องส่งข้อมูลให้กับเทศบาลได้รู้ว่า ชาวบ้านนั้นมีใครบ้างที่เดือดร้อน จากการที่จะยึดศาลาอเนกประสงค์ เพื่อให้ทางเทศบาลได้รับทราบ และเข้าไปดำเนินการว่าสมควรที่จะนำศาลาที่ชาวบ้านสร้างนั้น ไปใช้ในประโยชน์อย่างอื่น  ส่วนการที่ชาวบ้านโดนข่มขู่นั้นก็ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีเอง   เมื่อปลัดอาวุโสกล่าวแบบนี้จึงสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก   โดยชาวบ้านที่มาต่างยื่นยันว่า จะรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี   ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินทางกลับ 

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ชาวบ้านยกขบวนมา ประท้วงศูนย์ดำรงธรรม อยู่นั้น  ได้มีชาวบ้านอีกหลายคน เดินทางจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดในพื้นที่และปัญหาเดือดร้อนเรื่องอื่น  เมื่อมาพบกับเหตุการณ์การนี้ขึ้น  ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่กล้าที่จะเข้าร้องเรียนเพราะกลัวข้อมูลและตัวเองจะถูกเปิดเผย  จึงได้พากันเดินทางกลับทันที   และที่ผ่านมา ก็มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  เคยมาร้องเรียน เรื่องที่ดินพอกลับไปไม่นาน ถูกคนร้ายลอบเผารถจนได้รับความเสียหาย  รวมทั้งชาวบ้านที่มาร้องเรียนเรื่องขยะ พอกลับไปข้อมูลทุกอย่าง ก็ถูกส่งไปให้ผู้ที่ถูกร้อง จนทำให้ชาวบ้านที่มาร้องเรียนถูกข่มขู่และถูกฟ้องหมิ่นประมาทไปหลายราย  ชาวบ้านไม่กล้าที่จะมาใช้บริการของศูนย์ดำรงธรรมในทุกอำเภอ และจังหวัดราชบุรี