ชาวบ้านยกขบวนประท้วงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง ปล่อยข้อมูลรั่วไหลให้ฝ่ายตรงข้าม จนโดนข่มขู่
วันที่ 22 ธ.ค.59 มีชาวบ้านห้วยขวาง หมู่ 11 ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ประมาณ 100 คน พากันมารวมตัวที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง ถือป้ายประท้วงศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง มีข้อความ ประชาชนไร้ที่พึ่งไร้อำนาจ ศูนย์ดำรงธรรมจะมีไว้เพื่ออะไร ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง ไม่เป็นธรรม เอาข้อมูลชาวบ้านที่มาร้องเรียนไปแจ้งให้ฝ่ายที่ถูกร้องเรียน มารังแกประชาชน
สืบเนื่องมาจาก นางสาวนงนุช
เสลาหอม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.ท่าผา พร้อมชาวบ้าน
ได้ร่วมกันลงชื่อร้องเรียนเทศบาลเมืองท่าผา เรื่องทางเทศบาลจะขอศาลาอเนกประสงค์
ที่ชาวบ้านร่วมใจกันสร้างในพื้นที่ของชลประทาน มานานกว่า 20 ปี
โดยทางเทศบาลจะขอศาลาใช้ทำเป็นสำนักงานสภาเกษตร แต่ชาวบ้านไม่ยอม
เพราะใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมหมู่บ้านเป็นประจำ
จึงได้ร่วมลงชื่อมาร้องเรียน
แต่รายชื่อที่ชาวบ้าน ร้องเรียนนั้น
กลับถูกถ่ายเอกสารจากศูนย์ดำรงธรรม
ส่งไปให้ทางเทศบาลและมีการส่งคนออกมาข่มขู่ ว่าจะฟ้องร้อง จนทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวว่าจะถูกเทศบาลฟ้องร้อง จึงได้รวมตัวกันเดินทางไปสอบถามถึงเหตุผลว่า
ทำไมข้อมูลที่ชาวบ้านร้องเรียนถึงได้รั่วไหล
ด้าน นายสุรศักดิ์ เสลาหอม อายุ 64 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 16/8 ม.11 ต.ท่าผา
อ.บ้านโป่ง ตัวแทนของชาวบ้าน
กล่าวว่า ที่ชาวบ้านมากันวันนี้
เพื่อต้องการมาสอบถามและต้องการคำชี้แจงจาก
ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านโป่ง ว่าทำไมถึงส่งรายชื่อของชาวบ้าน
ให้กับเทศบาลเมืองท่าผา
จนทำให้ให้ชาวบ้านถูกข่มขู่ ทั้งที่ชาวบ้านนั้นคิดว่า
ศูนย์ดำรงธรรมนั้นเป็นที่พึ่งแต่กลับปล่อยข้อมูลรั่วไหล จึงอยากให้ท่านออกมาชี้แจง เพราะต่อไปคงจะไม่มีใครกล้ามาร้องเรียนอีก
ต่อมา นายสุชาติ ดือเร๊ะ ปลัดอาวุโส
อำเภอบ้านโป่ง ได้ออกมาชี้แจงว่า
การร้องเรียนนั้นต้องส่งข้อมูลให้กับเทศบาลได้รู้ว่า
ชาวบ้านนั้นมีใครบ้างที่เดือดร้อน จากการที่จะยึดศาลาอเนกประสงค์ เพื่อให้ทางเทศบาลได้รับทราบ
และเข้าไปดำเนินการว่าสมควรที่จะนำศาลาที่ชาวบ้านสร้างนั้น
ไปใช้ในประโยชน์อย่างอื่น
ส่วนการที่ชาวบ้านโดนข่มขู่นั้นก็ให้ไปแจ้งความดำเนินคดีเอง เมื่อปลัดอาวุโสกล่าวแบบนี้จึงสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านที่มาต่างยื่นยันว่า
จะรวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.อ.ประยุทธ
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนจะพากันแยกย้ายเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ชาวบ้านยกขบวนมา ประท้วงศูนย์ดำรงธรรม
อยู่นั้น ได้มีชาวบ้านอีกหลายคน เดินทางจะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดในพื้นที่และปัญหาเดือดร้อนเรื่องอื่น เมื่อมาพบกับเหตุการณ์การนี้ขึ้น
ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่กล้าที่จะเข้าร้องเรียนเพราะกลัวข้อมูลและตัวเองจะถูกเปิดเผย จึงได้พากันเดินทางกลับทันที และที่ผ่านมา ก็มีชาวบ้านในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง
จ.ราชบุรี เคยมาร้องเรียน
เรื่องที่ดินพอกลับไปไม่นาน ถูกคนร้ายลอบเผารถจนได้รับความเสียหาย รวมทั้งชาวบ้านที่มาร้องเรียนเรื่องขยะ
พอกลับไปข้อมูลทุกอย่าง ก็ถูกส่งไปให้ผู้ที่ถูกร้อง
จนทำให้ชาวบ้านที่มาร้องเรียนถูกข่มขู่และถูกฟ้องหมิ่นประมาทไปหลายราย ชาวบ้านไม่กล้าที่จะมาใช้บริการของศูนย์ดำรงธรรมในทุกอำเภอ
และจังหวัดราชบุรี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น