บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568

ราชบุรี พ่อร้องสื่อวอนช่วยลูกชายวัย 18 หายตัว ร

พ่อร้องสื่อวอนช่วยลูกชายวัย 18 หายตัว หวั่นถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชาหลังได้รับข้อความจากลูกชายขอความช่วยเหลือแล้วติดต่อไม่ได้
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายสุริยา แจ่มน้อย อายุ 63 ปี ชาวตำบลคูบัว อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี วอนสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยติดตามหาลูกชาย นายรักเด่น แจ่มน้อย อายุ 18 ปี หลังหายออกจากบ้านตั้งแต่เช้าวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยสงสัยว่าอาจถูกหลอกลวงไปทำงานกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา พร้อมทั้งเข้าติดตามกับทางพนักงานสอบสวนเพื่อหาความคืบหน้า
นายสุริยาเล่าว่า ลูกชายเพิ่งสมัครเข้ารับการคัดเลือกทหารกองเกินด้วยระบบออนไลน์ประจำปี 2569 แต่ระหว่างพักอยู่บ้าน กลับหายตัวไปหลังบอกแม่ว่าจะไปทำงานที่กรุงเทพฯ ผ่านการสมัครในเพจเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าเป็นงานนั่งทำคอมพิวเตอร์ รายได้เดือนละ 18,000 บาท หากขยันมีโบนัสเพิ่มอีก 5,000 บาท ทั้งยังได้รับการโอนเงินค่าเดินทางล่วงหน้า ทำให้ลูกชายหลงเชื่อและเดินทางออกจากบ้านต่อมาลูกชายได้ส่งรูปตึกที่อ้างว่าเป็นที่ทำงาน ลักษณะคล้ายสถานอาบอบนวด รวมทั้งห้องพักเตียงสองชั้น ซึ่งสร้างความกังวลให้กับครอบครัว ช่วงวันที่ 20–21 ส.ค. ยังสามารถติดต่อได้ แต่วันที่ 22 ส.ค. กลับขาดการติดต่อ กระทั่งช่วงกลางดึกวันเดียวกัน แฟนสาวของลูกชายโทรมาบอกว่า ได้รับข้อความจากลูกชายขอความช่วยเหลือ ระบุสั้น ๆ ว่า “ถูกจับอยู่ที่เขมร ช่วยด้วย” ก่อนจะหายเงียบไป
ครอบครัวจึงรีบเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองราชบุรี และตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่สถานีขนส่งกรุงเทพฯ พบว่าลูกชายถูกชายกลุ่มหนึ่งมารับขึ้นรถไปจริง แต่ยังไม่ทราบปลายทาง ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินของบัญชีที่โอนเงินค่าเดินทางมาให้ และประสานฝ่ายสืบสวนเพื่อติดตามเส้นทางการเดินทางต่อเนื่อง นายสุริยากล่าวด้วยน้ำตาว่า “ทุกวันผมนอนไม่หลับเลย คิดถึงลูก อยากได้ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย” พร้อมเตรียมยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ให้เร่งกวาดล้างเพจหลอกลวงที่ล่อลวงคนไทยไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ เพราะเป็นภัยต่อสังคม
ทั้งนี้ นายสุริยายังฝากเตือนคนรุ่นใหม่ที่หางานผ่านโซเชียล อย่าหลงเชื่อโฆษณางานที่ดูดีเกินจริง เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกับลูกชายของตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น