บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ราชบุรี กรมปศุสัตว์เข้าทลายแหล่งผลิตอาหารสัตว์ผสมสารเร่งเนื้อแดง

 รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ อายัดเครื่องผสมอาหารสัตว์ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงผสม  ขายให้กับเกษตรกร

วันที่ 17 ม.ค. 60  นายสรวิศ     ธานีโต รองอธิบดีกรมปศุสัตว์    พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิชัย ไลออน รองผกก.4  กองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.)   และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย กองพลพัฒนาที่ 1 จังหวัดราชบุรี เข้าตรวจค้นและอายัดเครื่องผสมอาหารสัตว์ในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ชื่อฟาร์มโคขุน สมพรฟาร์ม เลขที่ 16/5   หมู่ 1  ต.ดอนกระเบื้อง  อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  หลังจากที่เคยเข้าตรวจสอบภายในโรงงานแล้ว และนำสารที่ใช้ในโรงงานไปตรวจสอบและเมื่อทราบผลตรวจวิเคราะห์อาหารสัตว์ (โคขุน) ว่ามีการใช้สารเร่งเนื้อแดงผสมในอาหารสัตว์ขายให้กับเกษตรกรทั่วไป   จึงได้ตรวจยึดไว้ทั้งหมด   โดยมีนางสมพร  ทัศนสุวรรณ อายุ 60 ปี  เจ้าของฟาร์มออกมาให้ข้อมูลว่า  ใช้สารเร่งเนื้อแดงจริงเพราะมีลูกค้านำมาให้ใช้   โดยไม่ทราบว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค    ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดส่วนผสมอาหารสัตว์จำนวน 5 ตันเครื่องผลิตอาหารสัตว์จำนวน 6 เครื่องมูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาทส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราบุรี ดำเนินคดี ต่อไป
         ด้านนายสรวิศ     ธานีโต รองอธิบดีกรมปศุสัตว์    ได้เปิดเผยว่าอาหารสัตว์ที่ผสมสารเร่งเนื้อแดง หรือ สารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์   (β-Agonist) มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและโคขุนบางกลุ่มนำไปเลี้ยงสัตว์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการลดปริมาณไขมันในเนื้อสัตว์ ตลอดจนเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ เร่งการเจริญเติบโตและทำให้เนื้อสัตว์สีแดงน่าบริโภค  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ซึ่งจะมีปริมาณการใช้เนื้อสัตว์จำนวนมาก    และเมื่อผู้บริโภครับประทานเนื้อสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างอยู่ อาจส่งผลทำให้กล้ามเนื้อสั่น กระตุ้นการเต้นของหัวใจ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนปวดศีรษะ ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ตลอดจนหญิงมีครรภ์จะเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับอันตรายจากสารเร่งเนื้อแดงที่ตกค้างในเนื้อสัตว์    ซึ่งถ้ามีการตรวจพบลักลอบผลิตหรือใช้สารเร่งเนื้อแดงผสมในอาหารสัตว์ก็จะมีโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น