บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ศึกแย่งนํ้ากลุ่มรีสอร์ท

รองผู้ว่าราชบุรีลงพื้นที่หย่าศึกแย่งนํ้ากลุ่มรีสอร์ท ชาวบ้าน  กลุ่มเครือข่ายนํ้าตกเก้าชั้น                                             
                              นายณรงค์  พลละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี   พ.อ.มนิต  ศิริรัตนากุล  เสธนาธิการทหารกรมพัฒนาที่ 1 จังหวัดราชบุรี  นายสมศักดิ์  เหลืองจรุงรัตน์  นายกองค์การบริหารส่วนตําบลสวนผึ้ง    เจ้าหน้าที่โครงการฟื้นฟูธรรมชาติ  โครงการอุทยานธรรมชาติวิทยา ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี   กลุ่มเครือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้น ( เก้าโจน )   กลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ท พร้อมชาวบ้าน    เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจค่ายทัพยาเสือ  กองกําสุรสีห์   และตํารวจตระเวนชายแดนที่ 137  อําเภอสวนผึ้ง  เดินเท้าเข้าป่าลึกระยะทางขึ้นลงเขาไป - กลับราว 15 กิโลเมตร   บริเวณป่าดิบชื้นบนเทือกเขาตะนาวศรี   เขตติดต่อชายแดนไทย พม่า  หมู่ที่  ตําบลสวนผึ้ง   อําเภอสวนผึ้ง  จังหวัดราชบุรี    หลังจากเกิดปัญหาความขัดแย้ง  เปิดศึกแย่งชิงนํ้าเป็นปัญหาเรื้อรังมานานในช่วงหน้าแล้งระหว่างเดือนมีนาคม พฤษภาคมของทุกปี  มีการประชุมแก้ปัญหาหลายครั้งแต่ยังตกลงกันไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ทบางแห่งขึ้นไปสร้างฝายกักนํ้า  ต่อท่อส่งนํ้าลงมาสู่หมู่บ้านเพื่อการบริโภค และการเกษตร     ในขณะที่กลุ่มเครือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้นอ้างว่า    ถูกต่อท่อนํ้าไปใช้ในรีสอร์ทจนทําให้นํ้าตกเก้าชั้นไม่มีนํ้า   ส่งผลต่อการท่องเที่ยวในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม  ของทุกปี
              ทางด้าน นายณรงค์  พลละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  กล่าวว่า  เพื่อเป็นการแก้ปัญหาลดความขัดแย้งจึงได้เชิญ กลุ่มผู้ประกอบการรีสอร์ท ชาวบ้าน  กลุ่มเครือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้น  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   ขึ้นไปตรวจสอบข้อเท็จจริง    ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ และแก้ปัญหาจัดการเรื่องนํ้าร่วมกัน  เพราะทุกฝ่ายก็มีความจําเป็นเรื่องนํ้า     ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการรีสอร์ทได้ว่าจ้างชาวบ้านในพื้นที่ต่อท่อนํ้า  พีวีซี  ขนาดประมาณ 8 นิ้ว  จากต้นนํ้าห้วยอิมิ  อยู่ติดกับชายแดนไทย พม่า เพียง 300  เมตร  ในราคากิโลเมตรละ  100,000  บาท  เป็นระยะทาง  7  กิโลเมตรร่วม  700,000  บาท    ปล่อยนํ้ามาตามท่อลงสู่หมู่บ้านผาปกค้างคาว   เพื่อใช้ในรีสอร์ทส่วนหนึ่งให้ชาวบ้านกว่า  60  หลังคาเรือนในหมู่บ้านผาปกค้างคาว  หมู่บ้านห้วยนํ้าขาว  หมู่บ้านหัวสาม    และสํานักสงฆ์บ้านหัวสาม  หมู่ที่  ได้ใช้จากท่อนํ้านี้เพื่ออุปโภค  บริโภค  และทําการเกษตร  และห้วยที่มีการต่อท่อนํ้านั้นไม่ใช่ลําห้วยที่ไหลลงสู่นํ้าตกเก้าชั้น  อย่างที่กลุ่มเคลือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้นเข้าใจ   
                ขณะที่กลุ่มเครือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้นชี้ว่า  ลําห้วยดังกล่าวเป็นลําห้วยต้นนํ้าที่ไหลผ่านนํ้าตกเก้าชั้น    หากมีการต่อท่อจะทําให้นํ้าไหลไปยังนํ้าตกเก้าน้อยน้อยลง    ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเพราะไม่มีนํ้า    และยังมีชาวบ้าน    บ้านห้วยผากหมู่ที่  7   ก็ใช้นํ้าจากลําห้วยบ่อคลึง  ที่แยกจากนํ้าตกเก้าชั้นแห่งนี้ด้วย    ทําให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นทั้งสองฝ่ายอย่างไม่จบสิ้น   ทางจังหวัดจึงได้นัดหมายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันขึ้นไปตรวจพิสูจน์    เพื่อลดการขัดแย้งกันในครั้งนี้
              จากการตรวจพิสูจน์พบว่า  แหล่งต้นนํ้านั้นไหลมาจากเทือกเขาตะนาวศรี  และมีการกั้นฝายต่อท่อนํ้า ติดวาล์วปิด - เปิดไว้  2  ช่วง    เลาะไปตามลําห้วยลงสู่บ้านผาปกค้างคาว   ส่วนลําห้วยอิมิจะแยกไปลงลําห้วยนํ้าตกเก้าชั้นในส่วนไหนนั้นก็ต้องตรวจพิสูจน์กันอีกครั้ง
               นายณรงค์  พละเอียด  รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี  และ พ.อ.มนิต   ศิริรัตนากุล  เสธนาธิการทหารกรมพัฒนาที่ 1   จึงขอให้ทุกฝ่ายหาข้อตกลงร่วมกันว่า  ในเดือนมีนาคมปีหน้านี้  จะทดลองปิดท่อส่งนํ้าดูว่า  นํ้าตกเก้าชั้นจะแห้งจากคํากล่าวของกลุ่มเครือข่ายคณะกรรมการนํ้าตกเก้าชั้นหรือไม่   และหากปิดท่อแล้วจะทําให้ชาวบ้าน 60 หลังคาเรือนขาดนํ้าหรือไม่  โดยจะมีการขึ้นไปทดสอบกันอีกครั้งในเดือนมีนาคมนี้  
             สำหรับกรณีพิพาทที่ทางผู้ประกอบการรีสอร์ทเองก็ยินดีให้ปิดท่อ   ดูว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่   แต่จะเกิดปัญหากับชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ไม่มีนํ้าใช้ในช่วงที่มีการปิด   ซึ่งก็ต้องรอดูกันเพื่อแก้ปัญหาต่อไป    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น