บทความที่ได้รับความนิยม

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ราชบุรี หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ

หน่วยงานเข้าตรวจสอบท่าเรือ หลังนักท่องเที่ยวร้องค่าเรือในตลาดน้ำแพงแท้จริงขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยวอีกด้วย
จากกรณีที่มีเพจเฟสบุ๊คชื่อ พวกเราคือผู้บริโภค ได้โพสต์ข้อความ วันนี้ไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกที่หนึ่งมาค่ะ รวมค่านั่งเรือ 3 คน 9500 บาท คนขับเรือบอกราคาปกติเหมือนกันทั้งคนไทยและต่างชาติระยะเวลาประมาณ 10 โมง-ไม่เกินบ่ายโมง ต่างชาติ 2 คน ไทย 1 ซึ่งภายหลังจากที่โพสต์ข้อความออกไปทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นรวมถึงแชร์ข้อความดังกล่าวออกไปจำนวนมากซึ่งเมื่อมีการตรวจสอบแล้วก็พบว่า ท่าเรือที่นักท่องเที่ยวพูดถึงคือท่าเรือนัมเบอร์วัน ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่ 5. ต.ตาหลวง. อ.ดำเนินสะดวก. จ.ราชบุรี
นางกาญจน์กุระ ฮัยสคาเนน ท่องเที่ยวและกีฬา จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนางสาวรุ่งฤทัย เกิดแจ้ง นักวิชาการพานิชย์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้แทนพานิชย์จ.ราชบุรี นายนพดล เพิ่มพูนทวีชัย ปลัดอำเภอดำเนินสะดวก พ.ต.อ.กรฤวิศวร์ ทองศรีวานิช ผกก.1 บก.ททท.3. เจ้าหน้าที่กอ.รมน.จ.ราชบุรี และกรมเจ้าท่า ได้เข้าตรวจสอบท่าเรือต้นเหตุโดยพบกับนางสาวกิ่งกมล เกตุไสว พนักงานขายตั๋วในท่าเรือนัมเบอร์วัน ก็ให้ข้อมูลว่า จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวโพสต์เรื่องราวว่าค่าเรือแพง และเมื่อตรวจสอบแล้วก็พบว่าเป็นท่าเรือของตนเอง ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมาโดยรถตู้เข้ามาและขอซื้อแพคเก็ตทัวร์ในการนั่งเรือท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวมา 3 คน เป็นชายชาวญี่ปุ่น 2 คน และคนไทยที่เป็นผู้หญิง 1 คน พร้อมกับต้องการซื้อแพคเก็ตในราคาเหมาจ่ายหัวละ 3000 บาท ซึ่งจะมีโปรมแกรมเพิ่มจากที่ทางท่าเรือตั้งไว้คือค่าเรือชั่วโมงแรก 2000 บาท ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 1000 บาท ซึ่งใน 1 ชั่วโมงนั้นจะมีสถานที่ท่องเที่ยว 3 แห่ง คือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เตาตาล และวัดปรก แต่นักท่องเที่ยวจะขอไปเที่ยวเพิ่มอีก 2 แห่งคือไปขี่ช้างที่ปางช้างซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกหัวละ 700 บาท และไปดูบ้านกระเหรี่ยงคิดราคาหัวละ 500 บาท ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมค่าเรือและค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวเพิ่มอีก 2 สถานที่ ทางท่าเรือจึงคิดเหมาหัวละ 3000 บาท ส่วนอีก 450 บาท นั้น เนื่องจากลูกค้ามีเงินสดไม่พอจึงขอรูดบัตร ซึ่งทางท่าเรือไม่มีจึงได้ไปรูดบัตรในตัวตลาดดำเนินซึ่งจะมีค่าบริการอีก 450 บาท จึงทำให้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 9,450 บาท ซึ่งในวันนั้นนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้มีการต่อรองอะไร แต่กลับมาโพสต์ลงในโซเซียลซึ่งก็ไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการอะไร ยอมรับว่าหลังมีกระแสเรื่องนี้ออกไปทางท่าเรือก็มีผลกระทบบ้าง แต่อยากจะให้มีการมาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ด้านนางกาญจน์กุระ ฮัยสคาเนน ท่องเที่ยวและกีฬา จ.ราชบุรี ก็บอกว่า หลังมีข่าวออกมาก็ได้เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนำค่าใช้จ่ายของทางท่าเรือมาตรวจสอบกับทางประกาศของจังหวัดเรื่องค่าเช่าเรือท่องเที่ยว ก็พบว่าค่าเรือเช่าเหมาลำนั้นเป็นไปตามประกาศของจังหวัด คือชั่วโมงแรก 2000 บาท ชั่วโมงต่อไปชั่วโมงละ 1000 บาท แต่นักท่องเที่ยวนั่งไป 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมเป็นเงิน 4500 บาท แต่นักท่องเที่ยวขอไปเที่ยวสถานที่เพิ่ม ซึ่งเป็นการตกลงกับทางท่าเรือ จึงทำให้มีการคิดค่าบริการเพิ่มรวมเป็นเงิน 9000 บาท ซึ่งอาจจะดูว่าราคาสูงและยังมีค่ารูดบัตรอีก ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่อย่างไร ทางพานิชย์จังหวัดซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ก็จะได้เชิญทางผู้ประกอบการของท่าเรือไปชี้แจงด้วย ซึ่งเรื่องของราคาที่เพิ่มจากประกาศของทางจังหวัดที่ได้กำหนดไว้นั้นเป็นเรื่องของผู้ประกอบการกับนักท่องเที่ยวตกลงกัน หากนักท่องเที่ยวพอใจก็จะตกลงไปใช้บริการ และอยากจะฝากว่าตลาดน้ำดำเนิสะดวกยังรอรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ซึ่งไม่มีวันหยุดและยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นตลาดน้ำอยู่ ก็อยากจะให้มาท่องเที่ยวกัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางจังหวัดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในการที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ
ส่วนนางสาวรุ่งฤทัย เกิดแจ้ง นักวิชาการพานิชย์ชำนาญการพิเศษ เป็นผู้แทนพานิชย์จ.ราชบุรี ก็บอกว่า ทางพานิชย์จังหวัดราชบุรีก็ได้มีประกาศอัตราค่าบริการค่าเรือให้กับทุกท่าเรือได้ปฎิบัติเหมือนกันทุกท่า ในส่วนของการฝ่าฝืนในมาตรา 29 ว่าด้วยพระราชบัญญัติราคาสินค้าและบริการ ห้ามผู้ประกอบการใดจงใจหรือฝ่าฝืนทำให้ราคาสินค้าสูงหรือต่ำเกินสมควร ซึ่งก็จะมีอัตราโทษอยู่ และที่ผ่านมาทางสำนักงานพานิชย์ได้เสนอข้อร้องเรียนของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคณะกรรมการของจังหวัด ซึ่งได้มีคำพิพากษาแล้วจำนวน 3 ท่าเรือ 5 ข้อร้องเรียน ซึ่งมีทั้งโทษจำและโทษปรับ ก็ขอเตือนให้ทุกท่าเรือได้ปฎิบัติตามคำสั่งของทางจังหวัดราชบุรี รวมทั้งเรื่องของการติดป้ายราคาที่ต้องชัดเจนด้วย
สำหรับบรรยากาศภายในท่าเรือนัมเบอร์วัน หลังจากที่เป็นข่าวก็พบว่ายังคงมีนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเดินทางมาใช้บริการอยู่ตลอดแต่อาจจะมีลดน้อยลงไปบ้าง แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงที่จะชอบใช้บริการเรือนำเที่ยวที่ไปชมวิถีชีวิตของชาวคลองดำเนินสะดวกอยู่

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ราชบุรี จิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า

กระทรวงอุตสาหกรรมจัดกิจกรรมจิตอาสาอุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
ที่ป่าชุมชนบ้านห้วยจำปา อ.เมือง จ.ราชบุรี ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรมจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่า” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 และ วันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน 2568 ภายใต้โครงการจิตอาสา “อุตสาหกรรมรวมใจ ดูแลสิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ” โดยมี นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พร้อมผู้บริหาร ข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมงาน
สำหรับกิจกรรมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษา และฟื้นฟูป่า เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในอนาคต จึงได้จัดทำกิจกรรมจิตอาสาขึ้นเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ฟื้นฟูพื้นที่ป่าในเขตป่าชุมชน ให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ สร้างจิตสำนึก และความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมมือ ร่วมใจ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจากข้อมูลสถิติล่าสุด ปี พ.ศ. 2567 ประเทศไทยมีป่าไม้ทั้งสิ้น 101,785,272 ไร่ (หนึ่งร้อยหนึ่งล้านเจ็ดแสนแปดหมื่นห้าพันสองร้อยเจ็ดสิบสองไร่) คิดเป็นร้อยละ 31.46 ลดลงจากปี พ.ศ. 2566 เหตุมาจากการขยายตัวของภาคเกษตรกรรม เปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เพาะปลูก และจากปัญหาไฟป่าที่ทวีความรุนแรงขึ้น อีกทั้งมีการตัดไม้เพื่อใช้ในประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ การผลิตกระดาษ และเนื่องจากการขยายตัวของชุมชน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดลงของพื้นที่ป่าที่สำคัญต่อระบบนิเวศโดยกิจกรรมในวันนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้นำจิตอาสาภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่รวมกว่า 300 คน ร่วมกันปลูกกล้าไม้จำนวนกว่า 400 ต้น อาทิ ต้นโมกมัน ต้นมะค่าโมง ต้นยางนา ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เหมาะแก่การปลูกในพื้นที่ป่าดิบแล้ง ทนต่อทุกสภาวะ และหากต้นไม้โตเต็มที่ยังสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 48 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี

ราชบุรี มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวยากไร้

ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย สส.ราชบุรี ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมมอบเงินทุนการศึกษา และเครื่องอุปโภคบริโภคจากมูลนิธิธรรมนัส เข้าช่วยเหลือครอบครัวยากไร้
ที่บริเวณโอ่งมังกรพ่นน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา เขตเทศบาลเมืองราชบุรี นายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตัวแทนมูลนิธิธรรมนัสพรหมเผ่า พร้อมทั้ง นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขต 3 พรรคกล้าธรรม รองประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาลและอัยการ และคณะกรรมการสาขาพรรคกล้าธรรม ภาคกลาง และนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ร่วมกันมอบเงิน และเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือครอบครัวอยู่พิพัฒน์ ซึ่งมีฐานะยากจน โดยมีแม่เป็นคนต่างด้าวชาวเวียดนาม ซึ่งมีสามีเป็นคนไทยหลังแยกทางได้พาลูกๆ จำนวน 4 คน ต่อสู้ชีวิตขายลูกอม และดอกไม้ ตามร้านอาหารในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี การช่วยเหลือทางด้านการศึกษา สิ่งของ ที่อาศัย และให้การสนับสนุนที่เด็กทุกคนกำลังประสพปัญหา นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี กล่าวว่าได้รับการประสานงานมากับ สส.จตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สืบเนื่องมาจากมีครอบครัวของน้องไอซ์ ซึ่งเป็นนักเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองราชบุรี มีความเดือดร้อนทางด้านครอบครัว โดยคุณแม่เป็นชาวเวียดนาม ไม่มีคุณพ่อ คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกถึง4คน ซึ่งมีความเดือนร้อนมาก โดยปกติน้องๆทั้ง4คนก็จะมาขายลูกอม ขายล๊อตเตอรี่ ตามร้านค้าร้านอาหารภายในเขตเทศบาลเมืองราชบุรี โดยตัวผมเองก็เห็นน้องๆนำลูกอม ล๊อตเตอรี่มาขายที่ตลาดสนามหญ้าเป็นประจำและผมก็ค่อยช่วยเหลือเป็นประจำ จนกระทั้งตนได้รับการประสานมากับนายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายธัญญวัฒน์ พากเพียร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าวันนี้ได้นำสิ่งของยังชีพมามอบให้กับครอบครัวของน้อง โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เห็นอกเห็นใจกับครอบครัวของน้องจึงมอบหมายให้ตนได้นำสิ่งของ พร้อมเงินมามอบให้กับครอบครัวของน้อง โดยร่วมกับ นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี เขต 3 พรรคกล้าธรรมและ รองประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาลฯนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี
ท่านด้าน นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ กล่าวว่า ได้รับโทรศัพท์กับท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานพรรคกล้าธรรม ภาคกลาง ว่ามีครอบครัวอยู่ครอบครัวหนึ่งอยู่ในอำเภอเมืองราชบุรี ได้รับความเดือดร้อน ก็ได้ส่งทีมงานลงพื้นที่ทันที โดยประสานมายังนายศักดิ์ชัย พิศาลผล หรือนายกไก่ นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี และได้เข้าช่วยเหลือโดยทันทีเพื่อให้ชีวิตทุกคนดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

สมุทรสงคราม เปิดแล้วของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงครามจัดงานของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสมนต์เสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวที่มีระบบนิเวศป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์
ที่บริเวณศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม นางริศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ประธานในพิธีเปิดงานของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด โดยมีนายสุภาพล ศิริไกรวัฒนาวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเปิดงาน ภายในงานมีการแสดงโชว์ทำอาหาร "หอยหลอดผัดฉ่ากระทะยักษ์" พร้อมแจกจ่ายให้ชิมอีกหนึ่งเมนูพิเศษคือแกงห้าหอย จากวัตถุดิบท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ กิจกรรมเรือนำเที่ยวและหยอดหอยหลอด กิจกรรมการแข่งขันปิดตาตีปี๊บ กิจกรรมจิตอาสาเก็บขยะแลกรับของที่ระลึก ปิดท้ายด้วยกิจกรรมประกวดธิดาดอนหอยหลอด และการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดัง ปู พงษ์สิทธิ์ ปราง ปรางทิพย์ ต้นข้าว อาร์สยาม และกัน นภัทร ชมวิถีชีวิตชาวประมงท้องถิ่นและลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่จากร้อนค้าชุมชนที่เรียงรายอยู่รอบชายฝั่ง
สำหรับสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสมุทรสงครามได้จัดงาน "ของดีเมืองแม่กลอง ตะวันรอน ที่ดอนหอยหลอด ประจําปี 2568"ระหว่างวันที่ 12 - 16 มิถุนายน 2568 เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศชื่อดัง *ดอนหอยหลอด"เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีระบบนิเวศป่าชายเลนอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลนานาชนิด โดยเฉพาะ *หอยหลอด" ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมหยอดหอยหลอด โดยการจัดงานมุ่งหวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสงครามในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่มีความหลากหลายและยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ราชบุรี-คู่รักนิรันดร ความตายมิอาจพรากความรัก

คู่รักนิรันดร ความตายมิอาจพรากความรัก ของ2ตายายได้จะทำการประชุมเพลิง พร้อมกัน เพื่อให้ทั้งสองได้ครองรักและไปอยู่ร่วมกันทุกชาติไปดังใจปราถนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาวัดบ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มี2สามีภรรยาวัย88กับ84 ตายวันเดียวกัน ลูกๆหลานๆได้นำศพทั้ง2มาตั้งสวดบำเพ็ญกุศล ลูกๆหลานๆได้ตบแต่งดอกไม้หน้าศพอย่างสวยงาม พร้อมจัดเตรียมสถานที่ทราบชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง2คือคุณตา แหลม หลวงจันทร์ อายุ 88 ปี และคุณยายม้วน โพธิ์เขนย อายุ 84 ปี โดยร่างของคุณตานั้นใส่หีบทอง ร่างคุณยายใส่หีบสีเงิน วางคู่กัน พร้อมรูปถ่ายทั้ง 2 คน ทางญาติกล่าวกันว่าสมัยทั้ง2ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งคู่รักและผูกพันธ์กันมาตลอด พอล้มป่วยเล็กๆน้อยๆ ทั้งคู่ก็จะปฏิบัติต่อกัน พลัดกันป้อนข้าวป้อนน้ำ จนกระทั้งทั้ง2ล้มป่วยด้วยวัยชราด้วยโรคประจำตัวด้วยก็ไม่วายเป็นห่วงกัน จนกระทั้งฝ่ายคุณยายได้เสียชีวิตลงเมื่อเย็นวันที่8มิ.ย.68 และลูกๆหลานๆได้นำร่างคุณยายมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านฆ้อง โดยทำพิธีอาบน้ำศพเวลา15.00 น.ของวันที่ 9 พออายน้ำศพกันเสร็จคนดูแลคุณตาที่บ้านได้โทรมาแจ้งลูกหลานให้รีบกลับมาที่บ้านคุณตาเริ่มไม่ดี พอไปถึงบ้านกันคุณตาก็สิ้นใจ เหมือนคุณยายมาชวนคุณตาให้ไปอยู่ด้วยกัน ในส่วนของการสวดพระอภิธรรมนั้นจะสวดพระอภิธรรมถึงวันพุธที่ 11 มิ.ย.และจะทำการประชุมเพลิง พร้อมกัน ในวันพฤหัสที่ 12 เวลา15.00 น. ที่วัดบ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรีเพื่อให้ทั้งสองได้ครองรักและไปอยู่ร่วมกันทุกชาติไป
นางสมปอง ศรีอารามภูมิ ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 ตำบลบ้านฆ้อง หลานผู้ตาย กล่าวว่าลุงกับป้าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่งงานอยู่กินกันมาก็จะเกือบ70ปีแล้วเพราะลูกสาวคนโตของป้าก็จะ65แล้ว ผู้ตายทั้งสองนั้นอยู่กันมาช่วยกันทำมาหากินจนมีลูก3คน ชาย1คนหญิง2คน ลูกชายก็บวชเป็นพระอยู่ที่วัดนี้ บวชนานแล้ว ส่วนคุณลุงคุณป้าพอไม่สบายป้าจะไม่สบายก่อนจะเป็นผู้ป่วยกึงติดเตียงมาประมาณ3ปี ช่วงที่ป้าไม่สบายบ่อยๆลุงแกจะเป็นคนคอยดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ป้อนยา เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด คนรักกันนะ แต่มาระยะหลังคุณลุงก็ล้มป่วย ทำให้ลุงไม่สามารถมาดูแลคุณป้าได้ อีกอย่างทางลูกๆหลานๆก็ต้องแยกทั้งสองคนออก เพราะถ้าป่วย2คนจะอยู่รวมกันไม่ได้ทางลูกหลานๆจำเป็นต้องแยกทั้ง2คนแต่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกันเพราะถ้าอยู่ด้วยกันกลัวจะติดเชื้อกัน ซึ่งทั้ง2นั้นทางลูกคนโตจะค่อยดูแลตลอด พลัดกันเข้าโรงพยาบาลโดยป้าจะเข้าโรงพยาบาลโพธาราม ส่วนลุงจะไปโรงพายาบาลศูนย์ราชบุรี จนก่อนที่ป้าเสียชีวิตได้ส่งโรงพยาบาลโพธาราม และสิ้นลมช่วงเย็นวันที 8 มิ.ย.นำไปสู้การเศร้าโศกเสียใจให้กับลูกๆหลานๆและทางฐาติๆ จนวันที่ 9 ได้ไปติดรับศพมาทำพิธีสวกพระอภิธรรมที่วัดโดยมีกำหนดจะรดน้ำศพช่วงบ่าย พอหลังอาบน้ำศพกันเสร็จ ผู้ดูแลคุณลุงก็โทรมาแจ้งให้ลูกๆหลานๆรีบกับไปดูลุงที่บ้านเหมือนจะอาการไม่ดี จนทุกคนไปถึงบ้านคุณลุงก็สิ้นลม เป็นที่เศร้าโศกเสียใจกับลูกๆหลานๆ ที่ห่างกันไม่กี่ชั่วโมงต้องมาสูญเสียผู้เป็นพ่อแม่ ลุงป้าในคราวเดียวกันทั้ง2คน ซึ่งคืนนั้นสุนัขได้หอนทางลูกๆหลานๆก็พูดเล่นว่าแม่เป็นห่วงพ่อเหรอถ้าเป็นห่วงก็มารับพ่อไปอยู่ด้วยกันได้นะ จะได้รักกันตลอดไป
นางสุมล แดงรุณ อายุ65ปี ลูกสาวคนโต กล่าวว่าตลอดเวลาพ่อกับแม่อยู่ด้วยกันมารักและห่วงใยกันตลอด ไม่สบายก็ป้อนข้าวป้อนน้ำกัน ในส่วนของตนเป็นลูกสาวคนโตก็จะค่อยดูแลพ่อกับแม่ ตอนทั้ง2ยังมีชีวิตอยู่ทั้งคู่รักกันห่วงใยกันมาก ตลอดระยะเวลากว่า70ปี เหนื่อยและลำบากแค่ไหน พ่อกับแม่ก็ไม่เคยปิปากบ่น ท้อ ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะอะไรกันถึงขั้นรุ่นแรง ตอนพ่อกับแม่ป่วยพลัดกันเข้าโรงพยาบาลตนก็จะเป็นคนค่อยดูแลท่านจนวาระสุดท้าย ท่านทั้ง2 ก็ไปสบายแล้ว ตอนยังมีชีวิตพ่อกับแม่รักกันมากห่วงใยกันตลอด จนแม่สิ้นลม แม่คงจะห่วงพ่อเลยมาชวนพ่อไปอยู่ด้วยกัน