บทความที่ได้รับความนิยม
-
ทศบาลตำบลห้วยชินสีห์จัดงานสืบสานประเพณีขึ้นเขาไกรลาส ย้อนรำลึกนางพันธุรัตน์และสังข์ทอง สำหรับการจัดงานประจำปี...
-
เปิดโครงการ “ปลูกข้าวปลูกใจ เด็กไทยรักข้าว” ปีที่ 2 ถ่ายทอดองค์ความรู้ สืบสานคุณค่าข้าวไทยวิถีชีวิตแบบพอเพียงเชื่อมโยงกับศาสตร์พระราชา ท...
-
สภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี จัดโครงการสืบสานวัฒนธรรม เชื่อมความสามัคคี 8 ชาติพันธุ์ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อ...
-
โครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพด้านยาเสพติดแก่เยาวชนและประชาชน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนรวมตัวกันออกกำลังกาย ได้แสดงถึงพลังขอ...
-
ผู้ว่าฯมอบบ้าน โครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 “บ้านนี้มีรัก เทิ...
วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรีจัดโครงการสืบสานวัฒนธรรม เชื่อมความสามัคคี 8 ชาติพันธุ์
สภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี จัดโครงการสืบสานวัฒนธรรม เชื่อมความสามัคคี 8 ชาติพันธุ์ผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
- ที่โรงยิมเนเซี่ยมจังหวัดราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี ร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี จัดโครงการ “สืบสานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี” เพื่ออนุรักษ์ พัฒนา และเผยแพร่วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป โดยมี นางวริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนางสาวกุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี เขต 1 หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
นายสุธีร์ เล้าศศิวัฒนพงศ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการรวมพลังของชนเผ่า 8 ชาติพันธุ์ในจังหวัด ได้แก่ ไทยพื้นถิ่น, ไทยลาวเวียง, ไทยมอญ, ไทยทรงดำ, ไทยเขมรลาวเดิม, ไทยจีน, ไทยกะเหรี่ยง และไทยวน ซึ่งแต่ละกลุ่มมีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่ควรได้รับการรักษาและส่งเสริมให้คงอยู่ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก วัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่นยังคงมีบทบาทสำคัญในการเป็นรากฐานทางจิตใจ สร้างความรัก ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน การจัดโครงการครั้งนี้จึงเป็นเวทีให้คนทุกช่วงวัยได้เรียนรู้ แลกเปลี่ยน และสืบทอดสิ่งดีงามที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้
ภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจ อาทิขบวนเดินเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10ขบวนแห่ 8 ชาติพันธุ์ในจังหวัดราชบุรีซุ้มอาหารพื้นถิ่น 4 ชาติพันธุ์ ให้ผู้ร่วมงานได้ชิมและเรียนรู้สูตรดั้งเดิมการสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น งานหัตถกรรม เครื่องจักสาน และศิลปะพื้นบ้าน
การแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านจากแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์การจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นโอกาสให้ภาครัฐ เอกชน เครือข่ายวัฒนธรรม และประชาชนได้ร่วมมือกันผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดราชบุรีให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป
วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรี เปิดโครงการปลูกข้าวปลูกใจ เด็กไทยรักข้าว
เปิดโครงการ “ปลูกข้าวปลูกใจ เด็กไทยรักข้าว” ปีที่ 2 ถ่ายทอดองค์ความรู้ สืบสานคุณค่าข้าวไทยวิถีชีวิตแบบพอเพียงเชื่อมโยงกับศาสตร์พระราชา
ที่บริเวณข้างที่ว่าการกำนันตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี นายเฉลิม นวมนิ่ม สหกรณ์จังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ปลูกข้าวปลูกใจ เด็กไทยรักข้าว” ปีที่ 2 โดยมีพระครูสังฆรักษ์ สายชล ฐิตสาโร เจ้าอาวาสวัดเกาะลอย คณะครู นักเรียนจากโรงเรียนในพื้นที่ และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก นายธวิทย์ กุศลอภิบาล ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองราชบุรี จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อการพัฒนาเกษตรกรรมไทย โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมการปลูกข้าว การอนุรักษ์พันธุ์ข้าว และการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสหกรณ์การเกษตรเมืองราชบุรี วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ตำบลเกาะพลับพลา และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ มีเป้าหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องข้าวตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ให้แก่เยาวชน ผ่านกิจกรรมลงมือปฏิบัติจริง อาทิ การดำนา การเรียนรู้เรื่องสายพันธุ์ข้าว การสาธิตแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว และการเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนา ทั้งนี้ โครงการยังเน้นการปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่ออาชีพเกษตรกร และการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีเกี่ยวกับข้าว เช่น ประเพณีแรกนาขวัญ การทำข้าวเม่า และการสวดมนต์ข้าวใหม่ เพื่อให้เยาวชนตระหนักถึงคุณค่าของข้าวไทย และความสำคัญของการพึ่งพาตนเองทางอาหาร
กิจกรรมในปีนี้จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จจากปีที่ผ่านมา โดยมีการติดตามผลจากโรงเรียนที่เข้าร่วม พบว่าเด็กมีความเข้าใจในกระบวนการผลิตข้าวมากขึ้น และเริ่มสนใจวิถีชีวิตแบบพอเพียงซึ่งเชื่อมโยงกับศาสตร์พระราชา
วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรี ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน มอบถุงยังชีพช่วยเหลือครัวเรือนยากจน
สพอ.ดำเนินสะดวก บูรณาการความร่วมมือกับเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี ลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน มอบถุงยังชีพช่วยเหลือครัวเรือนยากจน 6 ตำบล รวม 10 ครัวเรือน มุ่งขจัดความยากจนแบบพุ่งเป้า พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอดำเนินสะดวก (สพอ.ดำเนินสะดวก) ได้ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานภาคีเครือข่ายในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก จัดกิจกรรมลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครัวเรือนยากจน และครัวเรือนเป้าหมายในระบบ TPMAP และ Thai QM เพื่อมอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือเบื้องต้น รวมทั้งให้คำแนะนำและวางแผนการพัฒนาเชิงบูรณาการให้เหมาะสมกับบริบทครัวเรือน โดยมีเป้าหมายเพื่อ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ
กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายสุวิชาติ นวมเพ็ชร นายอำเภอดำเนินสะดวก เป็นผู้นำคณะในการลงพื้นที่ พร้อมด้วย นางนวลนิตย์ สังข์กระแสร์ พัฒนาการอำเภอดำเนินสะดวก, นางกิตติ์รวี อภิสินรุ่งโรจน์ รองนายกกิ่งกาชาดอำเภอดำเนินสะดวก และประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีอำเภอดำเนินสะดวก รวมถึงเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนในแต่ละตำบล เข้าร่วมปฏิบัติงานอย่างพร้อมเพรียง แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในระดับพื้นที่
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 6 ตำบล รวมทั้งหมด 10 ครัวเรือน ได้แก่
ตำบลสี่หมื่น จำนวน 1 ครัวเรือน ตำบลตาหลวง จำนวน 1 ครัวเรือน ตำบลขุนพิทักษ์ จำนวน 4 ครัวเรือน ตำบลดอนไผ่ จำนวน 2 ครัวเรือน ตำบลดอนคลัง จำนวน 1 ครัวเรือ ตำบลดอนกรวย จำนวน 1 ครัวเรือน
ครัวเรือนเป้าหมายเหล่านี้เป็นครัวเรือนที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง มีปัญหาด้านรายได้ ที่อยู่อาศัย สุขภาพ หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างทั่วถึง โดยคณะฯ ได้มอบถุงยังชีพซึ่งประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำมันพืช บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับทุกครัวเรือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกำลังใจให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างไม่ลำบากจนเกินไปในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน
นอกจากการมอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือแล้ว คณะผู้ปฏิบัติงานยังได้พูดคุยสอบถามข้อมูลสภาพความเป็นอยู่ของแต่ละครัวเรือนอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมข้อมูลและจำแนกความต้องการจำเป็นที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางครัวเรือนต้องการการสนับสนุนด้านอาชีพ บางครัวเรือนมีผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้สูงอายุที่ต้องการบริการด้านสาธารณสุข หรือบางรายขาดแคลนที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น พม., รพ.สต., ธกส., และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางช่วยเหลือในระยะยาว
นอกจากนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้เปราะบางในพื้นที่ของตนเอง รวมถึงการสร้างเครือข่ายอาสาสมัครพัฒนาชุมชนในระดับตำบลให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การดำเนินงานช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของนโยบาย “การขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่เน้นการพัฒนาเชิงรุกแบบพุ่งเป้า ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากฐานข้อมูล TPMAP เป็นเครื่องมือในการระบุตัวตนของผู้เดือดร้อนอย่างแม่นยำ
การดำเนินงานในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนในการร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมแห่งความเอื้ออาทร เพื่อให้เกิดสังคมไทยที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในอนาคต
วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรี-เด็กนักเรียนวอนคนขับเรือช่วยลดความเร็ว ลดเสียงและลดควันเพราะเรียนไม่รู้เรื่อง
เด็กนักเรียนวอนคนขับเรือช่วยลดความเร็ว ลดเสียงและลดควันเพราะเรียนไม่รู้เรื่อง ชาวบ้านก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่และอยากให้ทางเรือและชุมชนอยู่ร่วมกันได้
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนมาจากเด็กนักเรียนชั้นประถมของโรงเรียนไกรประชานุกูล โรงเรียนเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ริมคลองตาหลวง หมู่ 6 ต.ตาหลวง อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ว่าขณะนี้ได้รับผลกระทบจากเรื่องเสียงเรือยนต์ที่พานักท่องเที่ยวมาไหว้หลวงพ่อแดงศักดิ์สิทธิ์ที่วัดปรกเจริญซึ่งอยู่ติดกับโรงเรียน รวมทั้งยังเรื่องของควันจากท่อไอเสียเรือและเรือที่วิ่งเร็วจนทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดริมตลิ่งจนพังเสียหายมีหน่วยงานมาตรวจสอบหลายครั้งแต่ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก
ซึ่งหลังรับเรื่องร้องเรียน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดปรกเจริญ ซึ่งมีท่าเทียบเรือที่จะให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาไหว้หลวงพ่อแดง และได้พบกับนายประวิทย์ ทรัพย์สมบัติ กำนันตำบลตาหลวง ก็ได้นำผู้สื่อข่าวสำรวจในพื้นที่บริเวณริมคลอง ก็พบว่าบริเวณริมตลิ่งทั้งสองฝั่งคลองนั้นมีการทำเขื่อนกันน้ำซะตลิ่งพัง แต่ก็พบว่าเขื่อนที่ทำไว้นั้นเริ่มทรุดลงมาและบางแห่งก็พังทลายลงมา นอกจากนี้ยังมีเรือที่รับนักท่องเที่ยวจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกมาไหว้พระที่วัดปรกจอดรออยู่ริมตลิ่ง เรือบางลำก็เพิ่งจะเข้ามา ซึ่งขับมาด้วยความเร็วจนทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ และมีเสียงดัง แต่เนื่องจากมีเรือที่จอดรอนักท่องเที่ยวพบว่ามีผู้สื่อข่าวไปดักรอทำข่าว ทำให้มีการส่งต่อข้อมูลไปยังพรรคพวกและให้ลดความเร็วลง ซึ่งผิดปกติกว่าทุกวันที่มีเรือทั้งขับเร็ว เสียงดัง และปล่อยควันดำลอยจนเหม็นคลุ้งไปทั่ว แต่ก็ยังมีบางลำที่ขับออกไปด้วยความเร็วทั้งๆที่มีนักท่องเที่ยวนั่งมาด้วย พร้อมปล่อยควันดำ
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามความเดือดร้อนจากเด็กนักเรียนคนหนึ่งในโรงเรียน(เบลอหน้าน้องด้วย ) ก็ให้ข้อมูลว่าทุกวันเสียงเรือที่แต่งท่อก็จะมีเสียงดังและทำให้เกิดควันดำ ซึ่งกระทบการเรียนจนบางครั้งคุณครูต้องหยุดสอนจนกว่าเสียงเรือจะเงียบไป ซึ่งตนเองอยากจะให้คนขับเรือนั้นอย่าแต่งท่อมันก็จะทำให้เสียงเบาลงและควันก็จะไม่ค่อยมีไม่สร้างมลพิษต่ออากาศ ซึ่งได้ยินเสียงและสูดควันจากท่อไอเสียเรือมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกชินแต่ถ้าเรือเบาเสียงลงได้ก็น่าจะดี ในช่วงที่น้ำขึ้นเรือวิ่งเร็วทำให้คลื่นซัดน้ำเข้าไปในตัวบ้านเสื้อผ้าเปื้อนหมด ซึ่งก็อยากจะบอกว่าให้ช่วยเบาเรือลงหน่อยนะคะ
ด้านนายประวิทย์ ทรัพย์สมบัติ กำนันตำบลตาหลวง ก็บอกว่า เรื่องเรือเสียงดังและมีควันดำมีมานานแล้ว และเป็นสิ่งที่ควบคู่กับคลองมาจนชาวบ้านเอือมระอาแล้ว แม้ว่าจะมีหน่วยงานได้เรียกทั้งคนขับเรือและผู้ประกอบการท่าเรือไปพูดคุยหลายครั้ง ซึ่งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาไม่ได้ เด็กนักเรียนก็ได้รับความร้อน ซึ่งเรือที่เสียงดังนั้นจะดังแสบหู บางครั้งที่น้ำขึ้นเรือวิ่งเร็วจนน้ำนั้นซัดเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งเรื่องนี้สามารถที่จะแก้ไขได้ แต่การแก้ไขก็จะได้แค่ 2-3 วัน หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะกลับมาเหมือนเดิม แต่ถ้าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะชุมชนจะต้องอยู่ควบคู่กับสิ่งแวดล้อมและแหล่งท่องที่ยวให้ได้ ที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านหลายคนยอมที่จะขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะทนกับเสียงเรือที่ดัง ควันดำ และคลื่นที่ซัดเข้าไปในบ้านเพราะคนขับเรือเร็ว โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งช่วงนั้นควันดำก็จะเต็มคลอง
ซึ่งเรือท่องเที่ยวจะมีเวลาพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมในคลองดำเนินสะดวกเป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยจุดสุดท้ายจะมาจบที่วัดปรกเจริญ และจะต้องเร่งทำเวลาเพื่อไม่ให้เกินเวลาที่นักท่องเที่ยวเหมามา ซึ่งทั้งที่เวลานั้นน่าจะขยับเลยไปได้ แต่คนขับเรือต้องการที่จะได้รอบเพิ่มในการวิ่งเรืออกมาจึงต้องทำความเร็ว ซึ่งสิ่งเรานี้ถ้ามีความเห็นใจซึ่งกันและกัน สิ่งเรานี้ก็จะแก้ไขปัญหาได้ ที่ผ่านมาก็มีการฟ้องร้องกันเรื่องที่เรือวิ่งเร็วทำให้น้ำเซาะตลิ่งพังมาแล้ว ซึ่งอยากจะให้คนขับเรือช่วยลดความเร็วสัก 300 เมตร ก่อนจะเข้ามาใกล้บริเวณโรงเรียน และตอนออกก็เบาเครื่องออกไป ไม่ใช่เร่งเครื่องกันเต็มสปีดและไม่มีขีดจำกัด ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านอยู่ยาก ที่ผ่านมาทางหน่วยงานก็เรียกประชุมทำข้อตกลง ซึ่งบรรยกาศในบริเวณนี้ก็จะดีอยู่แค่ 2-3 วัน หลังจากนั้นก็จะกลับมาสภาพเดิม อยากให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ชาวบ้านก็อยากจะให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในพื้นที่และอยากให้ทางเรือและชุมชนอยู่ร่วมกันได้
วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรี โครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพด้านยาเสพติด
โครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพด้านยาเสพติดแก่เยาวชนและประชาชน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนรวมตัวกันออกกำลังกาย ได้แสดงถึงพลังของความสามัคคีของแต่ละชุมชน
ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนวัดอรัญญิกาวาส ตำบลเจดีย์หัก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรีนางสาววิลาสินี สุพานิชวรภาชน์ นายก อบต.เจดีย์หักเป็นประธานเปิดโครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพด้านยาเสพติดแก่เยาวชนและประชาชน โดยมีนางกาญจนา เหล่างาม รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเจดีย์หัก กล่าวถึงการ ดำเนินโครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพต้านเสพติด แก่เยาวชนและประชาชนได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของความดี ความเข้มแข็งของชุมชน และความสำคัญของการออกกำลังกาย จึงจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและประชนในตำบลเจดีย์หักรวมตัวกันออกกำลังกาย ได้แสดงถึงพลังของความสามัคคีของแต่ละชุมชน ในการแข่งขับก็ มีหมู่บ้านส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 2 ประเภท ประเภทเยาวชน จำนวน 4 ทีม และประเภทประชาชนทั่วไป จำนวน 13ทีม
สำหรับโครงการแข่งขันกีฬาฟุตบอล สร้างสุขภาพต้านยาเสพติดแก่เยาวชนและประชาชน ได้รับความร่วมมือนางสาวกุลวลี นพอมรบดี สส.เขต 1 ราชบุรี เข้าร่วมในโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการสนับสนุนการเล่นกีฬา เป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากเป็นการเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังเป็นการสร้างวินัยในการออกกำลังได้อีกทางหนึ่ง และการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีในชุมชนและในตำบล โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าจังหวัดราชบุรีร่วมให้การสนับสนุนในการดำเนินงานอีกด้วย

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
ราชบุรี สกัดปูนลักสายไฟสะพานเกือกม้
ชาวบ้านเดือด! โจรสกัดปูนตัดสายไฟสะพานเกือกม้า ไฟดับกว่า 12 ต้น ยังจับตัวไม่ได้
ที่บริเวณสะพานเกือกม้าข้ามทางรถไฟ หมู่ 6 บ้านโพธิ์งาม ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี นายอดุลย์ พิมเพราะ กำนันตำบลคูบัว พร้อม พ.ท. รอบรู้ ศรีตองอ่อน ที่ปรึกษา และนางสมศรี สุขนา อายุ 50 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 และชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ร่วมกันออกตรวจสอบที่เกิดเหตุมีคนร้ายลักลอบสกัดปูนและตัดสายไฟฟ้าส่องสว่างบนสะพานเกือกม้าข้ามทางรถไฟ และไฟส่องสว่างในหมู่บ้าน จนทำให้ไฟดับยาวตลอดแนวยาว เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รกใช้ถนน ที่ต้องใช้เส้นทางในช่วงกลางคืนโดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ผ่านมาแล้วกว่า 7 วัน เจ้าหน้าทีตำรวจยังไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ทำให้ปัจจุบันชาวบ้านต้องผลัดเปลี่ยนเวรยามมาคอยเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน บริเวณดังกล่าวร่องรอยปูนถูกสกัดออกจากผนังสะพานซึ่งมีท่อสายไฟฝังอยู่ภายในและสายไฟส่องสว่างในหมู่บ้าน โดยสายไฟบางส่วนถูกตัดและดึงออกไปแล้ว ขณะที่บางจุดมีร่องรอยการเจาะเตรียมไว้และใช้รถยนต์ลากสายไฟออกและนำทองแดงไปขาย
นายอดุลย์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16-17 กรกฎาคมที่ผ่านมามีผู้ใหญ่ผู้ช่วยได้แจ้งเข้ามาว่ามีผู้มารับสายไฟตรงบริเวณเกือกม้ามีสายไฟหายไปมากจะได้สั่งการให้ผู้ใหญ่ผู้ช่วยเข้าไปดูแลเกี่ยวกับเรื่องสายไฟหายจีบได้นำอาสาสมัครเข้ามาตรวจสอบบริเวณเกือกม้าเพราะเป็นสถานที่เปลี่ยวและอันตรายและได้เจอผู้ต้องสงสัยมีชะแลงและสว่านไฟฟ้ามีการสอบถามว่าไปไหนมาแต่อ้างว่ามาหากบแต่มีทั้งชะแลงและสว่านไฟฟ้ามันผิดสังเกตแต่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงมีการยึดชะแลงเอาไว้และปล่อยตัวไปเพราะไม่มีหลักฐานทุกวันชาวบ้านจะช่วยกันมาเฝ้ากันเองจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาเปลี่ยนเป็นโซล่าเซลล์จะได้ไม่มีสายไฟและจะได้มีไฟสว่างตลอดเวลาบริเวณจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางผ่านถึง 15 หมู่ทำให้มีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก
ทางด้านด้าน พ.ท. รอบรู้ ศรีตองอ่อน อดีตนายทหารเกษียณและที่ปรึกษากำนัน เปิดเผยว่า เคยมาเจอะผู้ต้องสงสัยผู้หญิง 2 คนผู้ชาย 3 คน อยู่บริเวณที่สายไฟหาย ชาวบ้านพยายามป้องกันไม่ให้มีคนร้ายมาขโมยอีก ได้ขับรถมาเจอสอบถามก็บอกว่ามาหากบบ้านอยู่ตำบลปากไก่ แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอไม่สามารถทำอะไรได้บริเวณนี้ต้องเฝ้าระวังทุกคืนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันตรวจก่อนที่จะมืดไปทั่วบริเวณคนร้ายจะขุดสายไฟเป็นช่วงๆและจะใช้รถดึงจะมีสายไฟอยู่ในท่อประมาณ 3 เส้นผู้ที่เข้ามาทำงานน่าจะเป็นมืออาชีพที่ทำมาหลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยด่วน ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามไปยังพื้นที่อื่น และอาจเกิดอันตรายกับประชาชนที่ใช้สะพานในช่วงเวลากลางคืน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)