บทความที่ได้รับความนิยม
-
เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดตากแดดชมรมแอโรบิคประสพความสำเร็จไปแข่งขันระดับประเทศขาดชุดหมดทุนขอรับบริจาค วันที่ 6 มกราคม 2560 ท...
-
พร้อมเพิ่มมูลค่าให้กับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร (เปลือกมะพร้าว) นายจตุพร โสภารักษ์ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (โรงไฟฟ...
-
ผู้ว่าราชบุรีจับมือผู้ว่าสมุทรสงครามเปิดงานตลาดถนนเพลินเพลง หรือตลาดน้ำ 3 อำเภอ เป็นการฟื้นฟูตลาดน้ำเก่าเพื่อช่วยเหลือเพิ่มช่องทางให้ผู้ประก...
-
อดีต รมช.คมนาคมพาชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมถูกตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน อุ้มหายตัวไป ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็ บ ...
-
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมพร้อมตำรวจ นำหนุ่มที่ถูกผู้ใหญ่บ้านอุ้มไปจำลองเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวน วันที่ 1...
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรี บ้านฆ้องจัดแข่งขันประกวดม้าเต้นโชว์
ผู้ใหญ่บ้านม.4 ต.บ้านฆ้องจัดแข่งขันประกวดม้าเต้นโชว์-ม้าสวยงาม ในงานทอดกฐินวัดดีบอน เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์อาชีพม้าเต้นแห่นาค ของชาวไทย
ที่บริเวณลานสนามปูนภายในวัดดีบอน ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นายฐิติพันธ์ บัวภู ผู้ใหญ่บ้านม.4 ร่วมกับเอ๋ ดีบอน เสียต้อม บางกะโด ได้จัดการแข่งขันม้าเต้น ม้าสวยงาม ขึ้น ในงานทอดกฐินประจำปี วัดดีบอน มีม้าเข้าประกวด แข่งขันกว่า100 ตัว ซึ่งมาจากจังหวัดราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท อยุธยา เชียงใหม่ ประจวบ เพชรบุรี และกาญจนบุรี เข้าร่วมการแข่งขัน โดยแบ่งม้าออกเป็น4ประเภท/รุ่น ม้าใหญ่ ม้ากลาง ม้าเล็ก และม้าจิ๋ว รางวัลชนะเลิศในแต่ละรุ่นนั้นจะได้ทองคำ ถ้วยรางวัลและของรางวัลอื่นๆอีกมากมาย ส่วนรางวัลที่ 2-3 จะได้จักรยาน+ถ้วยรางวัลและสิ่งของ นอกจากนั้นยังมีรางวัลขวัญใจพวงมาลัยอีก1รางวัล
นายฐิติพันธ์ บัวภู ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.บ้านฆ้องกล่าวว่าการแข่งขันประกวดม้าเต้นโชว์และม้าสวยงาม ในครั้งนี้ เนื่องจากที่วัดดีบอนได้จัดงานประเพณีทอดกฐินขึ้น ตนในฐานะผู้นำ จึงได้มีความคิดโดยได้ร่วมกับเอ๋ ดีบอน เสี่ยต้อม บางกะโด จัดการแข่งขันม้าเต้น ขวัญใจพวงมาลัย ขึ้นมา โดยจะไม่เก็บค่าสมัครใดๆทั้งสิ้น และของรางวัลก็จะได้มาจากผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ นอกจากนั้นทางเจ้าของม้ายังได้รวบรวมตั้งกองกฐินอีก1กองเพื่อนำไปถวายให้กับทางวัดดีบอน ซึ่งภายในงานได้นำหมูหัน 6 ตัวและอาหารเครื่องดื่ม นำมาเลี้ยงกับคณะที่นำม้ามาประกวด
สำหรับ การแข่งขันครั้งนี้ มีม้าลักษณะดี รูปร่างกำยำ สวยงาม มาจากคอกม้าชื่อดังหลายจังหวัด ทั้งม้าสีขาว สีน้ำตาล และสีดำ ต่างก็เต้นตามจังหวะเสียงดนตรีกันอย่างคึกคักการจัดการแข่งขันม้าเต้น เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์อาชีพม้าเต้นแห่นาค ของชาวไทยให้คงอยู่ต่อไป
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรี โครงการศึกษาการกำหนดอัตราขั้นสูงประกอบกิจการขนส่งทางราง
โครงการศึกษาการกำหนดอัตราขั้นสูงและหลักเกเกณฑ์ ค่าใช้ประโยชน์จากราง ค่าบริการในการประกอบกิจการขนส่งทางรางเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง
ที่โรงแรม ณ เวลา จังหวัดราชบุรี นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางรางเป็นประธาน เปิดการประชุมกลุ่มเป้าหมาย (Focus Group) ครั้งที่ 1 โดยมีนายณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โครงการศึกษาการกำหนดอัตรา ขั้นสูงและหลักเกณฑ์ การทบทวนอัตราค่าขนส่ง ค่าใช้ประโยชน์ ค่าบริการในการประกอบกิจการขนส่งทางราง ศึกษาโครงสร้างต้นทุน ศึกษาค่าใช้ประโยชน์ ค่าบริการในการประกอบกิจการขนส่งทางราง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อให้เกิดประโยชน์ จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดอัตราขั้นสูงของอัตราค่าขนส่งค่าใช้ประโยชน์จากราง รวมทั้งมาตรการเพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้าจัดทำร่างข้อกำหนด กฎระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกำหนด อัตราชั้นสูงและหลักเกณฑ์การขึ้นของอัตราค่าขนส่ง ประโยชน์จากร่าง การประกอบกิจการขนส่ง เพื่อให้การดำเนินการศึกษาโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมบรรลุวัตถุประสงค์ ประชุมหารือผู้เชี่ยวชาญและหน่วยน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่งสินค้า โดยจะนำเสนอผลการรวบรวมข้อมูลอัตราค่าชนส่งในปัจจุบันทั้งในและต่างประเทศ หลักเกณฑ์การทบทวนอัตราค่าขนส่ง ค่าใช้ประโยชน์และค่าบริการ จากราง และให้ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ได้มีส่วนร่วมพิจารณาเสนอแนะผลการศึกษาให้มีความเหมาะสม สอดคล้อง กับบริบทของสินค้าในพื้นที่
โดยทางด้าน นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางรางและนายณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี เดินทางไปที่บริเวณ สถานีรถไฟปากท่อ จ.ราชบุรีโดยมีนายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.กระทรวงสาธารณะสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนในพื้นที่ รับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนข้อมูลและความต้องการของผู้ประกอบการในพื้นที่โดยมี นายทวีทรัพย์ เทพลิบ กำนันตำบล ต.ปากท่อ เข้าร่วมชี้แจง หลังจากนั้นได้เดินทางไปยัง สถานีรถไฟเจ็ดเสมียน อ.โพธาราม ดูความเป็นไปได้ของพื้นที่และคณะจะเดินทางไปยังสถานีสถานี ไฟท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อดูพื้นที่สถานีและโอกาลที่จะพัฒนา CY เชื่อมต่อกับนิคนอุตสาหกรรมราชบุรี รวมถึงพบผู้ประกอบการ ในจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังแนวคิดและความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และดูพื้นที่ Qy ท่าม่วง ที่มีการขนส่งสินค้าทางรางในปัจจุบัน ซึ่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของท่าน กรมการขนส่งทางรางและกลุ่มที่ปรึกษาจะนำไปประกอบการศึกษาเพื่อรวบรวมโครงสร้างต้นทุนในการขนส่งสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพลดต้นทุนในการขนส่งอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต.
วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรี กิจกรรมเดินวิ่ง ปากท่อรันเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
เทศบาลตำบลปากท่อจัดกิจกรรมเดิน - วิ่ง ปากท่อรัน 2024 เพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชน พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วม ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการออกกำลังกาย เสริมสร้างสุขภาพอย่างยั่งยืน
ที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลปากท่อ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรีนายสุทธิพงษ์ พุทธจันทรา นายอำเภอเมืองราชบุรีรักษาราชการแทนปลัดจังหวัดราชบุรีเป็นประธานเปิดงานกิจกรรม เดิน - วิ่ง ปากท่อรัน 2024โดยมีนายอิทธิกร เล่นวารี นายกเทศมนตรีตำบลปากท่อ เป็นผู้ดำเนินงานจัดกิจกรรม เดิน วิ่ง ปากท่อรัน 2024 เพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในเขตเทศบาลดำบาลดำบลปากท่อ และในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วม ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการออกกำลังกาย เป็นการช่วยเสริมสร้างสุขภาพอย่างยั่งยืน ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ภายในเขตเทศบาลดำบลปากท่อ ที่สำคัญ ยังเป็นการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สินค้า ของดี ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ รู้จักอำเภอปากท่อมากยิ่งขึ้น
สำหรับจัดกิจกรรม เดิน วิ่ง ปากท่อรัน 2024 มีทั้งข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และผู้ที่สนใจเข้าร่วมจำนวนมากมุ่งหวังให้ประซาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานการออกกำลังกายและเล่นกีฬาต่างๆให้ประชาชน ตระหนักถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายและเล่นกีฬาจนเป็นวิถีชีวิตทุกคน สู่การมีสุขภาวะที่ดี ทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เนื่องจากปัจจุบันส่วนใหญ่ มีการทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ ใช้เวลาอยู่กับสื่อสังคมออนไลน์ ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเป็นเวลานาน ไม่มีเวลาการออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี เพื่อลดความเครียด และเพิ่มพลังในการทำงาน ตลอดจนสร้างความสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการออกกำลังกายอีกด้วย
วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรี เปิดโครงการคลองสวยน้ำใสตำบลบ้านฆ้อง
เปิดโครงการคลองสวยน้ำใสตำบลบ้านฆ้อง ร่วมกิจกรรมเทน้ำยา EM ลงในลำคลองเพื่อปรับสภาพน้ำให้สะอาด หลัง อบจ.นำรถแบคโฮขุดลอกวัชพืชเพื่อปรับภูมิทัศน์ลำคลอง
ที่บริเวณหมู่ที่ 3 ต.บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการคลองสวยน้ำใสตำบลบ้านฆ้อง พร้อมด้วย นายวรวัฒน์ น้อยโสภา เลขานุการนายก อบจ.ราชบุรี นายชาคริสณ์ กรปัญญากุล เลขานุการนายกอบจ.ราชบุรี สจ.เขตอ.โพธาราม ร่วมกิจกรรม โดยมีนายศุภชัย ครุฑดำ นายอำเภอโพธาราม นางสาวอรอุมา มุกดา กำนันต.บ้านฆ้อง ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และ อสม.ในพื้นที่ ร่วมกิจกรรม
โดย ทางดร.สุรชัย ฉัตรภิญญาคุปต์ ผู้พิพากษาศาลสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว จ.ราชบุรี จิตอาสาพระราชทาน ได้สนับสนุนน้ำยา EM จำนวน 3 พันลิตร มาร่วมกันเทใส่ในคลองบ้านฆ้อง เพื่อเป็นการปรับสภาพน้ำ หลังจากที่ อบจ.ได้นำรถแบคโฮ มาขุดลอกวัชพืชออกจากลำคลองทำให้การระบายน้ำสะดวกมากยิ่งขึ้น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับการประสาน จาก สจ.และกำนันในพื้นที่ ในการขอความอนุเคราะห์รถแบคโฮมาขุดลอกคูคลอง เพื่อกำจัดวัชพืชที่ขวางทางระบายน้ำเป็นการปรับภูมิทัศน์ให้กับตำบลบ้านฆ้อง หลังจากไม่ได้รับการขุดลอกมาเป็นเวลานาน ซึ่งก็ต้องขอชื่นชมผู้นำท้องถิ่นที่มีความใส่ใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทางอบจ.ได้เตรียมพร้อมในการสนับสนุนเครื่องจักร รถแบคโฮ ในช่วงฤดูฝน มองว่าปัญหาดังกล่าวต้องทำอย่างต่อเนื่องถึงจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวได้ และต้องขอขอบคุณผู้ที่สนับสนุนน้ำยา EM ที่นำมาใช้ในการปรับสภาพน้ำให้ลำคลองใสสะอาด คืนคลองสวยน้ำใสให้กับชาวตำบลบ้านฆ้องอย่างยั่งยืนต่อไป
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรีจัดกรรม เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต
จัดกรรม เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ
ที่บริเวณอุทยานหินเขางู จ.ราชบุรี นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ ซึ่งจังหวัดราชบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในงานมีส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาชน นักเรียน นักศึกษาต่างสวมใส่เสื้อสีเหลืองเข้าร่วมกิจกรรมกว่าหนึ่งพันคน โดยกิจกรรมในวันนี้เป็นการออกกำลังกาย ด้วยการเดิน วิ่ง ระยะทาง 6.30 กิโลเมตร ซึ่งจุดเริ่มต้นและเส้นชัยที่บริเวณอุทยานหินเขางู
สำหรับการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นโครงการที่กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล , ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช , ศิริราชมูลนิธิ และภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนกว่า 40 หน่วยงานร่วมกันจัดทำโครงการฯดังกล่าวขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ทรงเป็นดั่งแสงนำใจของประชาชนไทย และทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพ และการออกกำลังกาย ทรงมีพระเมตตาแผ่ไพศาลแก่พสกนิกรชาวไทยอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ และเชื้อชาติ และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ผ่านการให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมองแบบเชิงรุกในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ ตลอดจนรณรงค์เชิญชวนประชาชนทุกเพศ ทุกวัย และทุกหมู่เหล่า ได้ออกกำลังกาย ผ่านกิจกรรมออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น การเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยาน ซึ่งหากออกกำลังกายติดต่อกันเป็นประจำ จะทำให้มีสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลจากโรค และช่วยลดค่าใช้จ่ายการรักษา ตลอดจนลดภาระของปัญหาโรคเรื้อรังได้
วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ราชบุรี กกพ. จัดประชุมสัมมนาสื่อมวลชน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. จัดประชุมสัมมนาสื่อมวลชน เพื่อสร้างเครือข่ายงานประชาสัมพันธ์ขององค์กร ประชาชนที่เดือดร้อนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนได้ เน้นไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิตตัดไฟบ้านผู้ป่วยติดเตียง
ที่ห้องประชุมโรงแรมวิศมา อ.เมือง จ.ราชบุรี นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นประธานจัดประชุมกิจกรรมสร้างเครือข่ายงานประชาสัมพันธ์ขององค์กร โดยมีผู้บริหาร สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. พร้อมทั้งคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.) และสื่อมวลชนจากหลายแขนงเข้าร่วม เนื่องจากกิจการพลังงานมีความสำคัญต่อโครงสร้างด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศ รัฐบาลจึงปรับโครงสร้างการบริหารกิจการพลังงานแยกงานนโยบาย และงานกำกับดูแลออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อให้การกำกับกิจการพลังงานเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีความเป็นอิสระในการดำเนินงาน โดยออกพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ( พระราชบัญญัติฯ ) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2550 ซึ่งมีพระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชุดแรก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการพลังงาน ซึ่งประกอบด้วย การประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ และกิจการไฟฟ้าให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติฯ ภายใต้กรอบนโยบายของรัฐและจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงานกกพ.) ทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของ กกพ. เพื่อกำกับดูแลกิจการพลังงานของประเทศ ให้มีความมั่นคง สามารถให้บริการด้านพลังงานอย่างเพียงพอและทั่วถึง ตอบสนองต่อความต้องการและการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการแข่งขันในกิจการพลังงานในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม สะท้อนต้นทุนการประกอบกิจการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในระดับภูมิภาคได้อย่างเข้มแข็ง กำกับดูแลการประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติและกิจการไฟฟ้าให้มีมาตรฐานวิศวกรรมปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการของผู้ประกอบกิจการพลังงาน และการเรียกเก็บอัตราค่าบริการที่ไม่เป็นธรรม คุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการวางระบบโครงข่ายพลังงานและการจ่ายค่าทดแทนที่ดิน และทรัพย์สินให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับความเป็นธรรม และสามารถวางเขตระบบโครงข่ายพลังงาน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ตลอดจนการบริหารจัดการกองทุนพัฒนาไฟฟ้าให้มีการจ่ายให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการพูดถึง บทบาทและภารกิจ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประจำเขต ขั้นตอนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน เรื่องกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังมีการพูดถึงกรณีการนำเสนอข่าวสารการติดตั้งหม้อมิเตอร์ไฟฟ้าสูงกว่า 5 เมตร ในพื้นที่ อ.เมืองราชบุรี ซึ่งมีการย้ายเสาไฟฟ้าและมิเตอร์ใหม่จนสูงมองเลขไม่เห็น และกรณีค่าไฟฟ้าที่สูง อีกทั้งกรณีการ ร้องเรียนชาวบ้านพื้นที่ อ.ปากท่อ ไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 9 ปี ซึ่งทางหน่วยงาน ได้เก็บข้อมูลรายละเอียดส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ทาง กกพ. และสำนักงานฯได้จัดกิจกรรมสัมมนาสื่อมวลชนกับคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต หรือ คพข. เพื่อจะร่วมมือกันดูแลสิทธิ หรือ คุณภาพบริการด้านไฟฟ้า ทั้งเรื่องไฟตก ไฟดับ เรื่องคิดค่าไฟฟ้าที่ผิดพลาด แพงจนเกินไป รวมทั้งเรื่องความปลอดภัยสาธารณะ สายสื่อสาร หรือ ไฟรั่ว ในพื้นที่สาธารณะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต รวมถึงการตัดไฟกับบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียง และทำให้เกิดการเสียชีวิต เช่น เหตุเกิดที่ จ.นครพนม แต่ก่อนหน้านั้นได้ทำมาแล้วที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์และที่ราชบุรี ให้เอา อสม.กับการไฟฟ้า มาตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูล เพราะ อสม.จะรู้ว่าบ้านไหนมีผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่บ้าง ส่วนที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์มีผู้ป่วยติดเตียงประมาณ 100 คน ยิ่งสังคมไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุเรื่องนี้มีความสำคัญมาก ตัดไฟปุ๊บก็ตายเลย จะบอกว่าให้ไปแจ้ง บางครั้งประชาชนไม่รู้ จึงเป็นความร่วมมือซึ่ง คพข.ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งเรามีหน้าที่ที่จะต้องดูแลทุกคน สื่อสารให้คนเข้าใจ เข้าถึงอำนาจที่เขามี ถึงสิทธิ์ที่เขามีด้วย สิ่งเหล่านี้ประชาชนจะไม่ค่อยรู้ พอเรื่องไฟฟ้ามาอยู่ในภูมิภาคแล้วประชาชนจะไม่รู้เลยว่ามีสิทธิ์อะไรบ้าง มีกฎหมายมากที่มีสิทธิ์เยอะแยะ วันนี้จะมาบอกและให้สื่อมวลชนช่วยกันเผยแพร่ ช่วยกระจายข่าวทางออนไลน์ ช่องทางต่าง ๆ ประชาชนเดือดร้อนให้มาบอกได้ พร้อมที่จะแก้ไขปัญหาให้ทุกเรื่อง
ส่วนการร้องเรียน ให้ไปที่เขต มี 13 เขต ทั่วประเทศ หรือ ให้ประชาชนที่เดือดร้อนโทรศัพท์ติดต่อ 1204 โดยให้แจ้งเรื่องไปในเวลาราชการจะมีเจ้าหน้าที่รับสาย หรือ ใช้แอพลิเคชั่นไลน์ @ ERCvoice หรือ แชท แชะ แชร์ กรณีเกิดสายไฟระโยงระยาง ไฟดูด หม้อแปลงจะระเบิด ให้ถ่ายรูปพร้อมเขียนข้อความระบุแล้วส่งเข้ามา เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็ว โดยจะไปกำกับการไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่ง เพราะเราคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ
วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567
ราชบุรี สปสช.จ่ายเงินให้โรงพยาบาลอย่างมีปัญหา
ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปชี้ สปสช.จ่ายเงินให้โรงพยาบาลอย่างมีปัญหาจ่ายต่ำกว่าต้นทุน สร้างปัญหาในการบริหารจัดการ อาจทำให้โรงพยาบาลบางแห่งต้องล้มสลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั้วไป ออกมาชี้ปัญหาที่โรงพยาบาลรัฐประสบปัญหาสถานการณ์การเงินน่าเป็นห่วงต้นทุนการรักษาคนไข้แต่ละโรคผู้ป่วยคนไข้ในประมาณ 13,000บาทต่อหน่วยเป็นต้นทุนซึ่งเป็นโรคเดียวกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจ่าย 8,350 บาทต่อหน่วย เห็นแล้วจะทำกันอย่างไรให้มีประสิทธิภาพงานนี้ต้องเข้ามาแก้ใขก่อนจะล่มสลายไปทั้งระบบ
ทางด้าน นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผอ.โรงพยาบาลราชบุรี ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป กล่าวถึงการทำงานของโรงพยาบาลของรัฐบาลไม่ได้มองถึงผลกำไลหรือขาดทุน มีหน้าที่ดูแลสุขภาพประชาชนงานดูแลจำเป็นต้องมีทรัพยากรต่างๆเข้ามาด้วยโดยเฉพาะเรื่องงานวัสดุอุปกรณ์ต่างๆและเจ้าหน้าที่ ทางโรงพยาบาลจำเป็นต้องนำทรัพยากรต่างๆเพื่อมาบริหารจัดการเพื่อให้มีการบริการคนไข้ได้ดีที่สุดปัญหาที่มีข่าวในช่วงนี้เราพบว่าสถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลของรัฐบาลค่อนข้างน่าเป็นห่วงต้นทุนในการรักษาคนไข้แต่ละโรคผู้ป่วยคนไข้ในประมาณ 13,000บาทต่อหน่วยไม่ใช่ราคาขายไม่ได้บวกกำไลแต่มันเป็นต้นทุนที่กองทุนจ่ายไม่เท่ากันซึ่งเป็นโรคเดียวกันจ่าย 11000 บาท ประกันสังคมจ่าย 12,000 บาทกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจ่าย 8,350 บาทต่อหน่วยซึ่งสถานการณ์เป็นเช่นนี้มาโดยตลอดและต้องใช้เงินร่วมกันเอาเงินคนไข้บัตรทองให้เงินประกันสังคมแม้แต่เงินบริจาค มาใช้ร่วมกันเป็นสิ่งจำเป็นที่เราใช้ร่วมกันมาตลอดเพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอเข้ามาดูแลคนไข้ในปีนี้จะหนักมากกว่าทุกปีในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติประกาศไม่จ่าย 8,350 บาทแล้วแต่จะจ่ายอยู่ 7,000 บาทใน 4 เดือนสุดท้ายซึ่งกังวลกันมากเมื่อจ่ายต่อหน่วยน้อยลงมีโรงพยาบาลหลายโรงพยาบาลมีผลกระทบเพราะว่าเงินบัตรทองจะต้องหักเงินเดือนเจ้าหน้าที่ก่อนถึงจะส่งให้โรงพยาบาลจะพบมีหลายโรงพยาบาลที่ไม่มีเงินจะจ่ายติดอยู่ที่บัตรทองสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรักษาไปแต่ไม่มีเงินกลับมาซื้อยาบางโรงพยาบาลแต่บางโรงพยาบาลยังพอมีอยู่บ้างแต่สถานการณ์ก็ไม่คล่องตัว 8250 บาทซึ่งเป็นการจ่ายต่ำกว่าต้นทุนมานานแล้ว
แนวทางการแก้ปัญหาทางชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั้วไป เสนอตาม พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขาร่างไว้ได้ดีการกำหนดอัตราค่าบริการต้องคำนึงถึงราคาที่เป็นจริงและเหมาะสมร่างนั้นชี้ให้เห็นถึงราคาที่เป็นจริงและเหมาะสมหากกองทุนที่จ่ายต่ำมากจะทำให้กระทบกับคุณภาพและมาตรฐานจึงมีการเสนอสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่จะเอาราคาต้นทุนมาทำงบประมาณไม่ควรใช้ราคาเดิมที่จ่ายมาเท่านั้นเมื่อโรงพยาบาลเริ่มวิกฤตก็ต้องส่งเสียงแจ้งโดยมีรัฐมนตรีได้สั่งการให้แก้ปัญหาปรับกลับขึ้นมาเป็น 8,000 กว่าบาทก็จึงทำให้ดีขึ้นแต่ตรงนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในปีนี้ซึ่ง
วิกฤตการแก้ปัญหาระยะยาวต้องทำงบประมาณตามปริมาณงานที่เกิดขึ้นจริงราคาที่เหมาะสมจะทำให้โรงพยาบาลต่างๆนี่สามารถมีปัจจัยมาเพื่อบริการอย่างครบถ้วนและมีคุณภาพระบบสุขภาพจะยั่งยืนได้จะต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพไม่ฟุ่มเฟือยโรงพยาบาลจะอยู่ได้จะไม่ล่มสลายไปและประชาชนจะต้องช่วยกันดูแลสุขภาพตนเองด้วยจะทำให้ระบบสุขภาพอยู่อย่างยั่งยืนแต่สิ่งหนึ่งอยากให้
หลักประกันสุขภาพแห่งชาตินำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆเป็นสิ่งที่ดีประชาชนคนไทยรับในสิ่งที่ดีขึ้นแต่จะต้องเสนอข้อมูลที่ครบถ้วนเรื่องของต้นทุนและกิจกรรมต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นจำเป็นต้องมีงบประมาณเข้ามาเพิ่มด้วยไม่ควรยกภาระให้เป็นของผู้บริการอย่างเดียวอย่างเช่นงบผู้ป่วยในเป็นสิ่งจำเป็นที่ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการหนักจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาลบางคนจะต้องผ่าตัดบางคนจะต้องต่อท่อเข้า ICUบางคนจะต้องฝึกกายภาพบำบัดบางคนต้องสวมหัวใจคนไข้เหล่านี้จำเป็นต้องใช้งบผู้ป่วยในแต่หลักคิดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเป็นงบปลายปิดคือมีเงินเท่าไหร่ให้เท่านั้นจากคนป่วยที่ป่วยมากขึ้นไม่ได้ลดลงจะทำให้แต่ละรายมีเงินลดลงขณะเดียวกันกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติบางคนเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ๆไม่สะดวกรับยาที่โรงพยาบาลให้รับยาที่บ้านโดยการส่งยาทางไปรษณีย์หรือเจ็บป่วยเล็กน้อยเป็นไข้หรือเจ็บคอให้ไปรับยาที่ร้านยาวิธีคิดแบบนี้เหมาะสมจริงหรือเปล่าคนไข้หนักที่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลใส่ท่อไอซียูงบปลายปิดแต่ส่วนคนเจ็บไข้เล็กน้อยเราเพิ่มสิทธิประโยชน์อำนวยความสะดวกแต่เป็นงบปลายเปิดไปเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น
สำหรับแนวคิดอย่างนี้คงต้องมาดูกันให้ดีว่ามันถูกต้องและบทสมจริงหรือหากเราจะเติมงบประมาณที่จำเป็นรักษาชีวิตคนไข้ก่อนอย่างน้อยให้เพียงพอให้ไปโรงพยาบาลสามารถดูแลได้และเงินที่เหลือถ้ามีถึงค่อยมาจัดสรรเรื่องอำนวยความสะดวกจะดีกว่าไหมซึ่งมีคำถามไปถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต้องพิจราณาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)